012 ความเห็นผิดทำลายพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ
สนทนาพิเศษ
เรื่อง ความเห็นผิดทำลายพระพุทธศาสนา และประเทศชาติ
ที่ บ้านคุณทักษพล และคุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ที่ ๑๙ พฤษภาคม และ
วันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐
ตอนที่ ๑๒
อ.วิชัย โดยมากจะเห็นถึงว่ามีรูปลักษณ์ภายนอกใช่ไหม ครองจีวรแล้วก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม เพราะเราสะสมที่จะมีความเคารพยำเกรงในผู้ที่ทรงผ้ากาสาวพัสตร์อยู่แล้ว แต่ต้องคำนึงถึงด้วยว่า ความประพฤติเป็นไปของบุคคลผู้ทรงผ้ากาสาวพัสตร์สมควรหรือเปล่า เพราะผู้ที่จะทรงอย่างนั้นได้จริงๆ สูงสุดคือความเป็นพระอรหันต์ เพราะเมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์แล้วจะเป็นฆราวาสไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นผู้ทรงผ้ากาสาวพัสตร์ระลึกถึงใคร แต่ถ้าผู้ไม่มีความรู้ความเข้าใจเลย ก็คือทรงไว้แต่ว่าคุณความดีภายในมีหรือเปล่า
ดังนั้นข้อความในพระไตรปิฎกจะแสดงไว้หลากหลายเพื่อเตือน ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุเองก็ตามเหมือนข้าวลีบใช่ไหม รูปร่างเหมือนข้าวเปลือกเลย แต่ข้างในไม่มีเมล็ดข้าว คือเป็นการเตือนว่าผู้ทรงผ้ากาสาวพัสตร์ต้องมีคุณของความเป็นบรรพชิตด้วย สามเณรหรือพระภิกษุก็ตาม ถ้าบวชด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ทรงผ้าเราเห็นอย่างนั้น เราเข้าใจหรือเปล่าว่า ท่านเป็นผู้ที่ทรงคุณของความเป็นบรรพชิตหรือเปล่า
อ.จักรกฤษณ์ นึกถึงคำหนึ่งไพเราะมากๆ ที่ท่านอาจารย์เคยยกขึ้นมากล่าวว่า ความเป็นภิกษุ ความเป็นสามเณร ไม่ใช่ด้วยการโกนศีรษะ ห่มผ้าเหลือง แต่ภิกษุ สามเณร เป็นด้วยตามพระธรรมวินัยเท่านั้น ตรงนี้ชี้ให้เห็นถึงความถูกต้องที่สุดของภิกษุสามเณร เป็นด้วยตามพระธรรมวินัยจริงๆ ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ เราก็จะเห็นภาพได้ชัดเจน
ท่านอาจารย์ แล้วเรื่องอะไรผู้ปกครองอยากให้ลูกไปบวช เห็นไหม มาจากความไม่รู้จริงๆ
อ.จริยา อยากได้บุญ
ท่านอาจารย์ ไปบวชเราได้บุญหรือ
อ.อรรณพ เขาอยากให้หลายเหตุผล บางทีก็อยากให้ลูกหลานได้มีสมาธิ ได้ไปฝึกแล้วก็ได้รับอะไรดีๆ
ท่านอาจารย์ เริ่มผิดและเริ่มทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่คิดอย่างนั้น
อ.อรรณพ แล้วก็มีอีกอันหนึ่ง ไม่ได้บวชเป็นสามเณร เพราะเนื่องจากเป็นเด็กผู้หญิง ก็ให้ไปเข้าโครงการทำว่า บุตรีเยาวชนหญิงเล็กๆ แล้วก็มีการนั่งสมาธิ มีการทำอะไรหลายๆ อย่าง พอหมดโครงการมาพ่อแม่ก็มารับ แล้วคิดว่าทางผู้ที่เขาจัดอบรม เขาก็บอก เด็กก็วิ่งเข้าไปกราบคุณพ่อคุณแม่ กราบเท้าคุณพ่อคุณแม่ คุณพ่อคุณแม่ก็ซาบซึ้งน้ำตาไหลเลย ก็คือจะสื่อ ทำให้คนเข้าใจว่า การให้เด็กไม่ได้เกิดความเข้าใจอะไร เหมือนกับว่าสร้างให้เด็กกตัญญู คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งที่เขาไปกราบก็ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร ด้วยสาเหตุที่คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ หรือว่าลำบากมาหลายวันก็ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะเป็นขั้นตอนทางการดำเนินกิจกรรมที่ทำอย่างนี้ก็ได้ แต่ภาพที่ออกมาก็ทำให้ความรู้สึกคุณพ่อคุณแม่รู้สึกประทับใจ ประทับใจกับการที่ลูกผู้หญิงได้มาเข้าโครงการ
ท่านอาจารย์ กราบพ่อแม่นี่กราบได้ทุกวัน
อ.วิชัย ยิ่งบิดามารดาเป็นผู้ที่รู้เข้าใจธรรมแล้ว ยิ่งมีประโยชน์มาก เพราะสามารถที่จะให้คำจริง คือให้คำแนะนำว่าสิ่งใดเป็นความดี ความไม่ดี ตามที่เด็กสามารถที่จะเข้าใจได้ แล้วก็สามารถให้เขาเป็นผู้ที่มีคุณความดีโดยประการต่างๆ เช่นรู้จักแบ่งปัน มีความกตัญญูรู้คุณบุคคลอื่น ก็สามารถจะกล่าวเพราะคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงความจริงทุกอย่าง สิ่งใดที่เป็นความชั่วเมื่อมีความรู้ความเข้าใจก็แสดงให้เด็กเล็กๆ สามารถที่จะค่อยๆ บอกให้เขาเข้าใจได้ว่า ความประพฤติที่ไม่ดีทั้งหลายนำมาซึ่งทุกข์โทษอย่างไร ความประพฤติที่ดีงาม นำมาซึ่งประโยชน์รวมถึงประโยชน์อย่างยิ่งก็คือบุคคลเองด้วย ได้เจริญในคุณความดีที่ยิ่งขึ้นไป เป็นบุคคลที่อบรมเจริญคุณความดีขึ้นได้ทุกๆ วันเลย เมื่อได้ฟังคำของบิดามารดาที่มีความรู้ความเข้าใจธรรม หรืออาจจะบุคคลอื่นก็ได้ ที่สามารถที่จะกล่าวให้เขาได้เข้าใจได้
คุณรัก สรุปว่าทุกระดับ ทุกอายุ ต้องเริ่มศึกษา โดยเฉพาะผู้นำที่จะคิดโครงการอะไรต่างๆ หรือแม้แต่มีความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ถ้ามีความเข้าใจธรรมและศึกษาธรรมดีพอ ก็จะช่วยดำรงไว้ซึ่งพุทธศาสนาจริงๆ ความไม่รู้มีหลายประเด็นเหลือเกิน มีประเด็นไหนที่เราอยากจะพูดเพิ่มเติมอีกไหม
อ.อรรณพ จะเห็นว่าถ้ามีความไม่รู้ ไม่ว่าจะไปบวชเป็นไปบรรพชิต หรือไม่บวช แล้วเป็นคฤหัสถ์ ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมให้มีความรู้ความเข้าใจ เต็มไปด้วยความไม่รู้ ซึ่งความไม่รู้ก็จะนำพาไปให้ทำสิ่งต่างๆ ที่เป็นการทำลายพระธรรมคำสอนทั้งสิ้นในลักษณะต่างๆ ที่สำคัญก็คือ เพราะความไม่รู้ที่เราสนทนามาแล้ว ก็ทำให้ต้องมีสำนักปฏิบัติอันนี้เรื่องใหญ่ และความไม่รู้ทำลายส่วนของพระธรรมซึ่งเป็นส่วนหลัก ก็คือหนทางอันประเสริฐที่พระผู้มีพระภาคแสดงครั้งแรกที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ทางสายกลางคือ อริยมรรคมีองค์ ๘ หรือถ้าไม่ใช้ภาษานี้คือหนทางของปัญญาที่เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ ทำลาย
ซึ่งกว่าที่พระองค์จะบำเพ็ญพระบารมี แล้วก็กว่าจะมาแสดงพระธรรมตรงนี้แสนยาก ความเข้าใจผิดเรื่องสำนักปฏิบัติก็ทำลายพระธรรมคำสอนซึ่งเป็นหัวใจเลย ก็คือหนทางซึ่งสำคัญมาก อีกอันหนึ่งเป็นความไม่รู้ที่ทำลายพระวินัยอย่างกว้างขวาง ก็คือ การเอาเงินเอาทองไปให้พระภิกษุ ด้วยความไม่รู้สำหรับคฤหัสถ์ และสำหรับบรรพชิตซึ่งหนึ่งไม่ได้ศึกษาพระธรรม แต่จริงๆ แล้วเป็นสิกขาบทข้อที่ ๘ เท่านั้นที่จะต้องรู้ แต่ถึงจะรู้ว่าเป็นสิกขาบท แต่ก็ไม่รู้โทษของการล่วงสิกขาบทนี้ ไม่รู้โทษของการที่จะไปปรับเปลี่ยนให้ยุคนี้สมัยนี้รับเงินรับทองได้
เพราะฉะนั้นประเด็นหนึ่งที่เราเคยสนทนากันแล้ว แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้พูดถึง ก็อยู่ในเรื่องของความไม่รู้ที่ทำลายพระวินัย อย่างเช่นความไม่รู้ว่า ทำไมจึงเอาเงินเอาทองไปให้กับภิกษุ ไม่สมควร อันนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง
ท่านอาจารย์ ก่อนอื่นเราคงไม่ผ่านเรื่องการบวชไป เพราะจริงๆ แล้วก็น่าคิด ให้คนอื่นบวชได้ไหม เห็นไหม แล้วเดี๋ยวนี้ทำกันใช่ไหม ชักชวนคนอื่นให้บวชจำนวนเท่านั้นเท่านี้ให้เต็มจำนวนด้วย ได้หรือ เพราะไม่รู้จักว่าบวชคืออะไร เพราะฉะนั้นจะให้คนอื่นบวช อยากให้เขาดีใช่ไหมที่จะให้เขาบวช แล้วตัวเองทำไมไม่บวช ต้องคิดถึงตัวเองก่อนสิ ทำไมตัวเองไม่บวช แต่ให้คนอื่นบวช แสดงว่าอะไร แสดงว่าไม่เข้าใจธรรมไม่มีทางที่จะให้คนอื่นบวช ต้องรู้ว่าบวชคืออะไร บุคคลนั้นต้องสะสมอุปนิสัยที่สามารถที่จะสละเพศคฤหัสถ์ แล้วคนที่ให้คนอื่นบวชสละหรือเปล่า ทำไมไม่บวชก่อนใช่ไหม แต่ให้คนอื่นบวช ให้คนอื่นบวช แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเข้าใจอะไรหรือเปล่า ถ้าเป็นสิ่งที่ดีทำไมไม่ทำเอง แล้วก็ให้คนอื่นบวช เป็นไปได้หรือที่จะให้ใครบวช
อ.อรรณพ ถ้าเป็นการดำเนินการโดยพระภิกษุ พระภิกษุเขาบอกว่าท่านก็บวชอยู่แล้ว ให้เด็กมาบวชหรือคนอื่นมาบวช
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นถ้าคนที่ไม่เข้าใจธรรม แล้วไม่รู้อะไรเลย ให้เขาบวชได้หรือ เขาไม่รู้อะไรเลย ไม่เข้าใจธรรม ไม่สนใจธรรมด้วย ไม่รู้ว่าธรรมคืออะไร แล้วให้เขาบวช แสดงว่าไม่เข้าใจธรรมเลย ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย
อ.อรรณพ เขาอาจจะคิดว่าเดี๋ยวเข้ามาบวชแล้วก็ค่อยๆ ดีไปเอง
ท่านอาจารย์ ทำไมตัวเองไม่บวช ปัญหานี้มาก่อน ทำไมให้คนอื่นบวช ทำไมตัวเองไม่บวช
อ.อรรณพ เนื่องจากตัวเองยังไม่พร้อมที่จะบวช
ท่านอาจารย์ แล้วคนอื่นพร้อมหรือ
อ.อรรณพ ก็อาจจะมีภาระหน้าที่
ท่านอาจารย์ คิดเองหมด
อ.อรรณพ เลยเห็นว่าผู้ที่ไม่มีภาระหน้าที่อะไร พอจะบวชได้ก็มาบวช บวชๆ ไปก็ค่อยๆ ซึมซับดีไปเอง
ท่านอาจารย์ ไร้สาระ ไม่มีสาระเลย ไม่รู้ว่าบวชเพื่ออะไร ถ้าไม่มีอัธยาศัยจริงๆ ใครบังคับหรือใครขอร้องให้ใครบวชได้ เขาไม่ได้สนใจธรรมเลย ไม่มีอัธยาศัยที่จะศึกษาธรรม แล้วให้เขาบวช เป็นสาระอะไร มีประโยชน์อะไร ที่จะตัวเองไม่บวชประการหนึ่งว่า จะให้ใครบวช คิดเสียก่อนว่าตัวเองจะบวชหรือเปล่า ถ้าตัวเองไม่บวชแล้วไปให้คนอื่นบวช ไม่รู้จักแน่ๆ เลยว่า บวชคืออะไร แล้วไม่รู้จักเขา ตัวเองยังไม่บวชแล้วให้คนอื่นบวชคิดดู ถูกหรือผิดแค่นี้ ไปให้ใครบวชได้ไหม ถ้าเขาไม่มีอัธยาศัยที่จะศึกษาธรรม และขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ซึ่งจะต้องรักษาพระวินัย ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ไม่เป็นคฤหัสถ์อีกต่อไป นั่นคือบวช สละ ละ ไม่ใช่ว่าบวชแล้วจะเป็นอย่างคฤหัสถ์ รับเงินรับทองหรืออะไรก็ตามแต่
เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องละเอียดและต้องตรง และต้องตอบได้ ใครจะบวชต้องด้วยตัวของเขาเอง ถ้าตัวของเขาเองไม่เข้าใจธรรม แล้วเขาบวชทำไม ถ้าเขาไม่เห็นประโยชน์ของธรรมจริงๆ ที่เขาสามารถจะสละอาคารบ้านเรือน เพศฤหัสถ์ เขาบวชทำไม ในเมื่อเขาก็สามารถที่จะเป็นคฤหัสถ์แล้วก็ฟังธรรม แล้วก็เข้าใจธรรมขึ้น ขัดเกลากิเลสจนเป็นพระโสดาบันได้ในเพศคฤหัสถ์ จนถึงความเป็นพระสกทาคามี พระอนาคามี เมื่อใดที่บรรลุคุณธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ เมื่อนั้นต่างหากจึงละอาคารบ้านเรือนสู่เพศบรรพชิต เพราะฉะนั้นเพศบรรพชิตต้องรู้ว่าคืออะไร ไม่ใช่แค่เห็นแล้วก็อยากให้คนๆ นั้นบวช อยากให้คนนี้บวช ทำลายพระศาสนา
อ.อรรณพ การแก้ไขก็คงมีแนวทางเดียวก็คือ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ
ท่านอาจารย์ ให้เขาเข้าใจ ถ้าเขาไม่เข้าใจเขายังทำกันอย่างนี้ต่อไป แต่ถ้ามีความเคารพจริงๆ ในพระรัตนตรัย ต้องไตร่ตรองคำที่ได้ยิน ตอนนี้ใครอยากจะให้ใครบวชไหม เห็นไหมต้องเป็นผู้ที่ตรง และคนที่อยากให้คนอื่นบวช ให้เขาบวชทำไม ตนเองก็ยังไม่บวชเลย แล้วไปให้คนอื่นเขาบวช เดี๋ยวเขาถามว่าถ้าบวชดีจริงคุณก็บวชก่อน แล้วเขาจะบวชตามก็ได้ใช่ไหม ต้องเป็นคนที่ตรง และถ้าบวชแล้วไม่เข้าใจพระธรรม ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย เป็นภิกษุหรือเปล่า เป็นภิกษุในธรรมวินัยหรือเปล่า ต้องสำนึกต้องเข้าใจถูก แม้ในความเป็นภิกษุ
อ.อรรณพ ปัญหาทั้งหมดเกิดจากความไม่รู้ว่า ความเป็นภิกษุในธรรมวินัยสูงส่งอย่างไร
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นก็ชักชวนกันทำบาป
อ.อรรณพ แต่ว่ากลายเป็นขนบประเพณีในสังคมไทยไปเลย
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่สังคมพระพุทธศาสนา
อ.อรรณพ ถ้ามีลูกชายอายุครบบวช ถ้าบวชได้เลยก็ดี ถ้ายังไม่ได้ก็เอาไปทำงานทำการหรือว่าเรียนให้จบเสียก่อนแล้วก็บวช
ท่านอาจารย์ ด้วยประการใดๆ ก็ตามก็ตรงประเด็นที่ว่า ทำไมไม่บวชเอง
อ.อรรณพ เคยบวชแล้ว พ่อแม่บวชแล้ว บวชแล้วก็สึกมาแล้ว แล้วก็มีครอบครัว
ท่านอาจารย์ พ่อแม่เห็นคุณของพระศาสนาหรือเปล่า เมื่อเห็นคุณของพระศาสนาจะทรงความเป็นภิกษุต่อไปหรือไม่ หรือรู้ตนเองว่าไม่สามารถที่จะเป็นภิกษุได้ จึงลาสิกขาบท แล้วจะให้คนอื่นเขาไปทำอย่างนั้นหรือ
อ.อรรณพ เขาไม่ได้ให้ลูกเขาบวชตลอดชีวิต คือตัวเองเคยบวชมา แล้วก็คิดว่าได้ไปใช้ชีวิตที่เป็นพระภิกษุมาช่วงหนึ่ง อาจจะสักพรรษาหนึ่ง แล้วก็ลาสิกขามา แล้วก็มาทำงานทำการมีครอบครัว แล้วก็เห็นว่าช่วงหนึ่งของชีวิตที่ได้มีโอกาสไปบวชเป็นพระภิกษุก็ดี แล้วเดี๋ยวสักสามเดือนก็ออกมา หรือมีเวลา ๑๕ วันก็ยังดี ก็เลยให้ลูกได้บวช ลูกอาจจะอยากบวชด้วย หรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วก็บวช
ท่านอาจารย์ เพื่อไม่เป็นบาป ให้เขาเข้าใจธรรมก่อนดีไหม และให้เขาตัดสินใจเอง ว่าเขาสามารถที่จะเป็นพระภิกษุได้ไหม ไม่ใช่บวชเล่น
อ.อรรณพ อันนี้เขาก็ไม่ได้เล่น แต่ก็เป็นประเพณีกันมาแล้วว่า ถ้ามีลูกชาย ถ้ามีโอกาสก็ให้ลูกชายได้บวชสักช่วงหนึ่ง
ท่านอาจารย์ ก็อย่างที่เราพูดแล้วว่า ถ้าไม่เข้าใจพระธรรม และให้เขาบวช และเขาก็ไม่สนใจเลย การบวชนั้นเป็นประโยชน์ เป็นบุญหรือเป็นบาป
อ.อรรณพ ก็ไม่เป็นบุญได้เลย เริ่มจากความไม่เข้าใจ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นแทนที่จะให้เขาบวช ให้เขาเข้าใจธรรม แล้วเขาจะได้รู้ตัวเองว่า เขาจะบวชไหม เพราะถึงเขาไม่บวชความเข้าใจธรรมของเขาก็ยังมีประโยชน์กว่าไปบวชโดยที่ไม่เข้าใจธรรม
คุณรัก ส่วนใหญ่จะไม่กลัวหรือไม่เห็นโทษภัยต่างๆ ที่ทำในสิ่งที่ไม่ตรง ไม่ถูกต้อง
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นตรง ถ้าไม่ตรงไม่ได้สาระจากพระธรรม
อ.อรรณพ ในสังคมไทย ชาวบ้านทั่วไปถ้าเขามีลูกชายและลูกชายเขาไม่บวช เขาจะรู้สึกไม่สบายใจ
ท่านอาจารย์ ตรงกันข้าม เขาไม่ได้คิดถึงพระธรรมเลย เขาไม่รู้ธรรม เขาไม่เห็นเดือดร้อน เห็นไหม แต่ถ้าลูกไม่บวช ไม่สบายใจ เพราะอะไร น่าจะคิดว่าไม่เข้าใจธรรม น่าจะเดือดร้อนที่ไม่รู้ธรรมทั้งๆ ที่มีธรรมก็ไม่สนใจที่จะฟังธรรม เพราะฉะนั้นจะแก้ไขความเดือดร้อนของตัวเองได้ ก็ต่อเมื่อฟังธรรมแล้วเข้าใจ ไม่ใช่ให้คนอื่นไปบวชแล้วเราจะได้หายเดือดร้อน
อ.อรรณพ ยากเย็นแสนเข็ญที่จะทำความเข้าใจ
ท่านอาจารย์ นี่เป็นเหตุที่เราเห็นความละเอียดอย่างยิ่งของปัญญาและบารมี ไม่ประมาทเลย พระธรรมลึกซึ้ง จะเข้าใจได้ต้องมีความอดทน เห็นประโยชน์ รู้คุณค่า และก็รู้ว่าการเข้าใจพระธรรมไม่ใช่ว่าจะทำให้เราสามารถประจักษ์แจ้งคำที่เราได้ยินโดยทันที เพราะไม่ใช่เราจะไปทำให้เกิดได้ แต่ต้องอาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้ว่า แค่คำสองคำไม่ทำให้คนเข้าใจธรรมได้ ไม่สามารถจะละทิ้งความเป็นตัวตน ความเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด มีการเห็นถูกว่าไม่ใช่เราแต่เป็นธรรม ยากมาก จึงต้องทรงแสดงความจริงของธรรมโดยนัยต่างๆ โดยนัยของขันธ์ โดยนัยของธาตุ โดยนัยของอริยสัจจะ โดยนัยของปฏิจจสมุปบาท เป็นชื่อซึ่งทุกคนพูดคล่องปาก แต่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นธรรมก็ไม่มีประโยชน์เลย
เพราะฉะนั้นที่สำคัญที่สุด พระธรรมสามารถเข้าใจได้ เมื่อฟังและไตร่ตรองพิจารณา นั่นคือบุญ เพราะเหตุว่าความเข้าใจนั่นแหละขัดเกลากิเลสคือความไม่รู้ แต่โดยเหตุอื่นไม่ใช่บุญ ถ้าเป็นความอยาก อยากให้คนไปไม่รู้ ไม่ศึกษาธรรม แต่ให้เขาบวช
อ.อรรณพ จริงๆ พุทธบริษัทก็ตรงตามที่ใช้คำว่า สาวกก็คือผู้ฟัง ผู้ศึกษาตามผู้ที่รู้จริง ซึ่งพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นสัพพัญญูรู้จริงก็ทรงแสดงพระธรรมวินัยไว้ครบถ้วนดีแล้ว ก็มีพระธรรมวินัยที่จะเป็นที่อาศัยได้ฟัง ได้ศึกษา
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นแค่ธรรมดา ตรงๆ ตรงไปตรงมาก็คือว่า เมื่อยังไม่เข้าใจธรรม ก็ฟังธรรมให้เข้าใจ ดีกว่าเมื่อไม่เข้าใจธรรมก็ไปบวชหรือให้คนอื่นบวช แต่ก็ไม่เข้าใจธรรม แค่นี้ เห็นความต่าง และรู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ แล้วยังจะทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือ
อ.อรรณพ และโดยเฉพาะจะไปสร้างความเคยชินด้วยความไม่รู้อย่างยิ่งให้กับเยาวชนที่จะเคยชินกับการไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย เช่นให้เด็กไปบวชให้อะไร
ท่านอาจารย์ และพฤติกรรมของสามเณร เป็นพฤติกรรมของสามเณรในครั้งพุทธกาลหรือเปล่า ต่างกันมากเลย สามเณรในครั้งพุทธกาลเหมือนพระภิกษุทุกประการ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องเป็นไปตามอากัปกิริยา อภิสมาจาระ ซึ่งไม่ใช่เพศคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าผ้าเหลืองหรือผ้ากาสาวพัสตร์ เพียงใส่แล้ว ครองแล้ว จะเป็นภิกษุหรือเป็นสามเณร ภิกษุหรือสามเณรอยู่ที่ปัญญา ไม่ใช่อยู่ที่เครื่องนุ่งห่ม เพราะฉะนั้นแม้แต่สังฆรัตนก็หมายความถึง แม้ผู้ที่รู้แจ้งสัจธรรมเป็นพระอริยบุคคล เป็นรัตนะ เป็นหมู่ของสงฆ์ที่เป็นสังฆรัตน ไม่ใช่ผ้าเลย
คุณรัก ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปเยอะเลย จากสมัยพุทธกาลจนกระทั่งสมัยนี้
ท่านอาจารย์ แล้วเปลี่ยนความจริงได้ไหม
คุณรัก เปลี่ยนไม่ได้ แต่เรื่องของในพระไตรปิฎกหรือว่าพระธรรมวินัย ที่แม้กระทั่งเป็นพระภิกษุเอง หรือว่าสามเณรเอง ที่อยู่อาศัยอะไรต่างๆ กฎเกณฑ์ที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาลกับสมัยนี้ ยากเหลือเกินถ้าเกิดมองอย่างละเอียดแล้ว แทบจะผิดพระวินัยไปหมดเลยไม่ว่าจะมองไปทางไหน เท่ากับว่าจะไม่เหลือผู้ดำรงศาสนาต่อได้เลย
ท่านอาจารย์ ต้นตอคือ เหลือความเข้าใจธรรมที่ถูกต้องมากน้อยแค่ไหน ไม่ต้องไปคิดถึงเพศ
อ.อรรณพ คฤหัสถ์ที่ไม่ได้บวช จะดำรงรักษาพระศาสนาไว้อย่างไร
ท่านอาจารย์ พระศาสนาคืออะไร
อ.อรรณพ คือคำสอนที่ดีงามของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่เข้าใจธรรม ดำรงพระศาสนาได้ไหม
อ.อรรณพ ไม่ได้
ท่านอาจารย์ แต่เมื่อเข้าใจธรรมแล้ว พระศาสนาดำรงอยู่ได้ เพราะเข้าใจ
อ.อรรณพ แม้จะไม่ได้อยู่ในเพศบรรพชิต
ท่านอาจารย์ ใครก็ได้สังฆรัตน ไม่จำกัดว่าต้องเป็นภิกษุ เพราะภิกษุที่ไม่ใช่สังฆรัตนก็คือ ผู้ที่ไม่ได้รู้ธรรม
อ.อรรณพ แล้วผู้ที่เป็นสังฆรัตนโดยที่ไม่เป็นภิกษุ ก็คือโดยคุณธรรม ก็เป็นคฤหัสถ์ก็มี
ท่านอาจารย์ เราบวชกันหรือเปล่า แต่สามารถฟังธรรม เข้าใจธรรม บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่อน
คุณรัก ความไม่รู้เยอะมากมายจริงๆ แล้วก็เป็นสิ่งที่นำมาซึ่งการทำลายพระพุทธศาสนา
วันนี้เราก็ได้พูดคุยกันมาหลากหลายประเด็น ยกตัวอย่างมาก็เยอะ แตะไปทางไหนเจอหมดเลย อยากให้ท่านอาจารย์กล่าวทิ้งท้ายให้กับท่านผู้ชมได้ฟังสักนิดหนึ่งว่า ชีวิตหลังจากนี้ไป ที่ได้ฟังเราได้พูดคุยกันในประเด็นนี้แล้ว ต่อไปเขาจะเริ่มต้นดำเนินอย่างไร
ท่านอาจารย์ บอกเขาไม่ได้ แต่เขาเริ่มเห็นคุณประโยชน์ของพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงหรือยัง ถ้าเขาเห็นประโยชน์ ยังมีอีกมากนักที่ปัญญาหรือความเข้าใจถูกของเขาจะมากขึ้น แล้วก็สามารถที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งขึ้น
คุณรัก เราก็ได้พูดคุยกันในประเด็น เรื่องของความไม่รู้ทำลายพระพุทธศาสนา มานานเลยทีเดียว แล้วก็มีตัวอย่างมากมายที่หยิบยกมา ท่านผู้ชมได้ยินได้ฟังแล้ว ก็คงจะได้ตรึก ได้ไตร่ตรองพิจารณาเพิ่มเติม เพราะการเรียนรู้พระพุทธศาสนาไม่มีวันจบจริงๆ พระธรรมคำสอนคือมรดกชิ้นเดียวที่ทางพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นได้มอบไว้ให้เรา
วันนี้ต้องขอขอบพระคุณทั้ง ๕ ท่านเป็นอย่างสูง ที่ได้มาร่วมพูดคุยและให้รายละเอียด หวังว่าในโอกาสต่อไป เราจะหยิบยกประเด็นต่างๆ มาพูดคุยกันเพื่อให้มีความเข้าใจ ความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา พระพุทธศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ
ช่วงนี้ลากันไปก่อน พบกันใหม่ในโอกาสหน้า
