ยังไม่รู้เห็นตรงเห็น

 
เมตตา
วันที่  28 ต.ค. 2568
หมายเลข  51298
อ่าน  282

[เล่มที่ 13] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 322

พระปัจฉิมวาจา

[๑๔๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไป เป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด. นี้เป็นพระปัจฉิมวาจา ของพระตถาคต.


อ.อรรณพ: ขอสนทนาต่อเนื่องที่ อ.วิชัย กราบเรียนถามครับ ท่านอาจารย์กล่าวว่า การที่จะรู้ความจริงตั้งแต่ สัจจญาณต่างกับกิจจญาณอย่างไร ตรงนี้ครับ และก็ดูเหมือนว่า ท่านอาจารย์จะกล่าวถึงบารมี กราบเท้าท่านอาจารย์ว่า บารมีที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจ และก็จะสะสมสัจจญาณคืออย่างไร ครับ บารมีที่จะเป็นไปเพื่อสัจจญาณ

ท่านอาจารย์: สภาพธรรมะมีจริง ลึกซึ้ง ตามที่ได้ฟังในความลึกซึ้ง ขั้นฟังเข้าใจแต่ยังไม่รู้จักธรรมะเลยสักอย่าง เพียงแต่ฟังเรื่องธรรมะ เช่น กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ ยังไม่รู้เห็นตรงเห็น แต่ฟังรู้ว่า เห็นมีจริง เห็นสิ่งที่กระทบตาที่ปรากฏ แค่นี้!! พอไหม?

อ.อรรณพ: ไม่พอครับ

ท่านอาจารย์: เป็นการตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระมหากรุณาแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง เพราะรู้ว่า ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดง ไม่มีใครสามารถที่จะเห็นความละเอียดความลึกซึ้งของธรรมะได้เลย

ก่อนปรินิพพานจึงตรัสว่า จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม แล้วทำไมถึงไม่คิดว่า แม้การฟังก็ต้องไม่ประมาท ต้องละเอียดต้องลึกซึ้งต้องมั่นคงตรงต่อความจริง สัจจะ

เพราะฉะนั้น บารมี ก็คือว่า ฟังแค่นี้สามารถที่จะประจักษ์แจ้งไหมว่า เห็นไม่ใช่เรา

อ.อรรณพ: ฟังแค่นี้นิดหน่อยไม่สามารถครับ

ท่านอาจารย์: แล้วถ้าไม่เข้าใจเพิ่มขึ้น จะสามารถค่อยๆ ละความไม่รู้ไหม?

อ.อรรณพ: ไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จะเข้าใจเพิ่มขึ้นได้อย่างไร?

อ.อรรณพ: ก็โดยการฟัง แล้วใส่ใจด้วยดี

ท่านอาจารย์: อันนั้นก็เป็นความอดทนไหม? เป็นความเพียรไหม? ตรงต่อความเป็นจริงไหม? ไม่มีได้ไหม?

อ.อรรณพ: ไม่มีไม่ได้ แต่เหมือนไม่รู้เลยว่า ขณะนั้นกำลังอดทนที่จะใส่ใจ

ท่านอาจารย์: ทรงแสดงธรรมะว่า อดทน เป็นธรรมะหรือเปล่า? เห็นไหม? แสดงทั่วหมดว่า อะไรเป็นอะไร อดทนเป็นเห็นหรือเปล่า?

อ.อรรณพ: ไม่ใช่เห็นครับ

ท่านอาจารย์: ต้องฟังทุกคำ ไม่ต้องรีบร้อนไปจำให้หมด แล้วก็ลืม แล้วก็ว่า แล้วอย่างไรถึงจะรู้ทุกคำตามที่ปรากฏ ซึ่งแสดงความจริงของแต่ละสิ่งที่ปรากฏจริงๆ ให้ค่อยๆ รู้ ให้ค่อยๆ เข้าใจ ให้ค่อยๆ มั่นคง เป็นบารมีของปัญญา ที่จะไม่ทำอย่างอื่นที่จะเปลี่ยนแปลงจัดการที่จะรู้ความจริง โดยการไปนั่ง โดยการไปจ้อง โดยการไปอะไรทั้งหมด

อ.อรรณพ: นี่ครับ ท่านอาจารย์กล่าวตรงนี้ เห็นถูก ขันติบารมีที่เป็นไปในการใส่ใจด้วยดีที่จะฟังพระธรรม ที่ไม่เดือดร้อนกระสับกระส่ายไปด้วยความเดือดร้อนที่จะไปหาวิธีการอื่น อะไรอื่น แต่ว่าขณะนั้นสารพัดบารมีจริงๆ ท่านอาจารย์กล่าวถึงขันติ ก็เหมือนเราไม่เห็นเลยครับ แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจในขั้นไตร่ตรองเพิ่มขึ้น แล้วก็เพิ่มขึ้นอีกทุกครั้งที่ได้ฟังได้สนทนาได้กราบเรียน ซ้ำๆ ๆ ๆ ครับ

ก็เป็นความไม่เดือดร้อนที่จะไปหาทางอื่น ไม่เดือดร้อนเลยที่จะใส่ใจในการฟังด้วยดีแต่ละคำ เพราะว่า แต่ละคำของพระองค์เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เป็นคุณค่าของชีวิต ส่วนเมื่อวานก็มีคุณค่าของชีวิต วันนี้ก็เพิ่มคุณค่าของชีวิตอีก

ขอเชิญอ่านได้ที่ ...

จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม

พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม [ปัจฉิมวาจา]

ขอเชิญฟังได้ที่ ..

อดทนที่จะค่อยๆ เข้าใจสภาพธรรม

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 28 ต.ค. 2568

ไม่ต้องรีบร้อนไปจำให้หมด แล้วก็ลืม

ต้องฟังทุกคำ ไม่ต้องรีบร้อนไปจำให้หมด แล้วก็ลืม แล้วก็ว่า แล้วอย่างไรถึงจะรู้ทุกคำตามที่ปรากฏ ซึ่งแสดงความจริงของแต่ละสิ่งที่ปรากฏจริงๆ ให้ค่อยๆ รู้ ให้ค่อยๆ เข้าใจ ให้ค่อยๆ มั่นคง เป็นบารมีของปัญญา ที่จะไม่ทำอย่างอื่นที่จะเปลี่ยนแปลงจัดการที่จะรู้ความจริง โดยการไปนั่ง โดยการไปจ้อง โดยการไปอะไรทั้งหมด

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 28 ต.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลทุกประการค่ะน้องเมตตา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มังกรทอง
วันที่ 29 ต.ค. 2568

สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ฟังธรรมะในดิถี ถูกต้อง อาจารย์สุจินต์ศรี เป็นหลัก จิตเจตสิกรูปสอดคล้อง มั่นแฟ้นคำจริง

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ