ความจริงธรรมะทั้งหมดเป็นอภิธรรมะ

 
เมตตา
วันที่  24 ก.ย. 2568
หมายเลข  51001
อ่าน  305

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 74

นันทนวรรคที่ ๒

๑. นันทนสูตร

ว่าด้วยคำของพระอรหันต์

บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา อธิบายว่าสังขารอันเป็นไปในภูมิ ๓ ทั้งหมด ชื่อว่า ไม่เที่ยง เพราะอรรถว่า มีแล้วหามีไม่ (เกิดแล้วก็ดับไป) .

คำว่า อุปฺปาทวยธมฺมิโน ได้แก่ สภาวะที่เกิดขึ้นและเสื่อมไป (มีความเกิดขึ้นและมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา) .

คำว่า อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ นี้ เป็นไวพจน์ของคำก่อน (คือ อุปฺปาทวย ) .


[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 733

พระโยคาวจรนั้น เมื่อพิเคราะห์ดูว่า เบญจขันธ์เหล่านี้มีอะไรเป็นเหตุ ก็จะเห็นว่า มีอวิชชาเป็นต้นเป็นเหตุ. แต่นั้นพระโยคาวจรจะยก (เบญจขันธ์) ขึ้นสู่ไตรลักษณ์ ด้วยอํานาจนามรูป พร้อมทั้งปัจจัยว่านี้เป็น (เพียง) ปัจจัย และสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น ไม่มีอย่างอื่นที่เป็นสัตว์หรือบุคคล มีเพียงกองสังขารล้วนๆ เท่านั้น แล้วพิจารณาตรวจตราไปว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามลําดับแห่งวิปัสสนา.


อ.คำปั่น: ก็ได้เ ทียบเคียงภาษาบาลี ก่อน แปลก็ตรงตามคำแปลครับ แต่โดย อรรถะ ที่ได้ฟังท่านอาจารย์ได้อธิบายก็เห็นได้ชัดเจน เพราะว่า นี่คือความเป็นไปของสภาพธรรมะที่เป็นนามธรรม

ซึ่งข้อความใน อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มหาสติปัฏฐานสูตร

พระโยคาวจรนั้น เมื่อพิจารณาดูว่า ซึ่งตรงนี้ พิจารณา ท่านใช้คำว่า อุปปริกฺขนฺโต ก็คือ พิจารณาดูว่า เบญจขันธ์เหล่านี้มีอะไรเป็นเหตุ นี้เป็นการพิจารณาใช่ไหมครับ ย่อมรู้ว่า ขันธ์ ๕ เหล่านี้มีอวิชชาเป็นต้นเป็นเหตุ อันนี้ตรงตามคำแปลเลยครับ

ข้อความต่อไปว่า ต่อแต่นั้นพระโยคาวจร ยก มีคำว่ายกนะครับ พยัญชนะบาลี คือ อาโรเปตฺวา นะครับ ยก ก็คือ แสดงความเป็นไปของธรรมะที่ไม่ใช่ตัวตนที่ยก แต่ว่า เป็นความเข้าใจในความจริง เป็นการพิจารณาในเหตุในผลตรงตามความเป็นจริงของธรรมะ ครับ ไม่ว่าจะแปลว่า ยก ตามภาษาบาลี แต่โดยอรรถะโดยคำอธิบายก็ซาบซึ้งที่ท่านอาจารย์ได้อธิบาย ไม่ใช่ตัวตนที่ยก เพราะว่าเป็นนามธรรม จะยกอะไรได้ใช่ไหม นี่ก็ชัดเจน

แต่นั้น พระโยคาวจร พระโยคาวจรก็คือผู้ที่มีความเพียรเพื่ออบรมเจริญปัญญาเพื่อเข้าใจความจริงครับ

แต่นั้น พระโยคาวจรก็ยกขันธ์ ๕ นั้นขึ้นสู่ไตรลักษณ์ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา นะครับ ยกขึ้นแล้วซึ่งเบญจขันธ์สู่ไตรลักษณ์ด้วยอำนาจแห่งนามรูปพร้อมทั้งปัจจัย ภาษาบาลีคือ สปฺปจฺจยนามรูปวเสน นะครับ ด้วยอำนาจแห่งนามรูปพร้อมทั้งปัจจัยว่า ... นี่ก็เป็นการพิจารณาถึงความเป็นจริงครับว่า เป็นแต่เพียงปัจจัย และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากปัจจัย สัตว์หรือบุคคลย่อมไม่มี

นี่ก็เป็นความจริงอย่างยิ่งครับ เป็นแต่เพียงกองแห่งสังขารล้วนๆ เท่านั้น ภาษาบาลี คือ สุทฺธสงฺขารปุญฺชมตฺตเมว เป็นแต่เพียงกองสังขารล้วนๆ เท่านั้น นี่แปลตามศัทย์ซึ่งถ้าในคำแปลก็ชัดเจนนะครับ มีเพียงกองสังขารล้วนๆ เท่านั้น ก็โดยอรรถะเดียวกัน

ข้อความต่อไป แล้วพิจารณาตรวจตราไปว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามลำดับครับท่านอาจารย์ นี่เป็นเพียงคำแปลครับ

ท่านอาจารย์: เห็นไหม แล้วอะไรเป็นอภิธรรมะ ไม่ใช่มีแต่พระวินัย พระสูตร ซึ่งอาจจะทำให้คนไม่รู้ความเป็นจริงถึงที่สุด

อภิธรรมะ อะไรล่ะ? ยก เห็นไหม อภิธรรมะ ธรรมะอะไรที่ยก? มีไหม? ไม่ใช่ว่า ยก ก็ไปหา แต่ว่าความจริงธรรมะทั้งหมดเป็นอภิธรรมะ เพราะเป็นตัวธรรมะจริงๆ แต่ละหนึ่งทรงแสดงไว้โดยละเอียดอย่างยิ่ง

อ.อรรณพ: กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ สติ ปัญญา กับความเพียรเป็นต้นครับ ไม่ใช่ใคร

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่รู้จัก สติ แล้วจะบอกได้ไหมว่า ไม่ใช่ใครยก ไม่ใช่พระโยคาวจรยก แต่ข้อความเป็นอย่างนั้น ต้องรู้ว่าหมายความถึงธรรมะ อภิธรรมะ อะไร

อ.อรรณพ: สติ ปัญญา ความเพียร ยกจริงๆ ครับ ยกให้พ้นจากการจมอยู่ในความไม่รู้ในขันธ์ ขันธ์ก็ปรากฏไม่ดีกับโมหะอยู่ตลอด ขันธ์ที่ไม่ว่าจะเป็นสี รูปขันธ์ ที่เมื่อสักครู้สนทนากับท่านอาจารย์ว่า หลังเห็นแล้ว ๓ ขณะก็มีรูปขันธ์ คือมีวรรณะรูปนั่นแหละเป็นอารมณ์กับโมหะ อยู่ในกองโมหะนั่นแหละรูปขันธ์ จนกว่าสติ ปัญญา ความเพียรเกิดแทนอวิชชา ก็คือพ้น ก็คือยก คือรู้ตามความเป็นจริง ก็พ้นจากการจมอยู่ในความไม่รู้

กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ ขอบพระคุณ อ.วิชัย อ.คำปั่น มาก

ท่านอาจารย์: จึงทรงแสดง ลักขณาทิจตุกะ ของธรรมะแต่ละหนึ่ง

อ.อรรณพ: ครับ โมหะ มีลักษณะ คือไม่รู้ คือปกปิดอารมณ์ครับ คำว่า ยก ก็ทำให้จม ปกปิด มืดมนอันธการ เหมือนจมอยู่ในความมืดครับ แต่เมื่อสติ ปัญญา ความเพียร เกิดขึ้น ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่พระโยคาวจร

ท่านอาจารย์: แล้วสติยกหรือเปล่า ปัญญายกหรือเปล่า? เห็นไหม ตามลักขณาทิจตุกะ

อ.อรรณพ: ไพเราะไปหมด แล้วก็จริงครับท่านแสดงลักขณาทิจตุกะ ไม่ต้องท่องครับ แต่มีความเป็นไปของสภาพธรรมะนั้นจริงๆ มีลักษณะ มีกิจ มีอาการปรากฏ มีเหตุใกล้ให้เกิด เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ

ท่านอาจารย์: จึงไม่ใช่พระโยคาวจรยก

อ.อรรณพ: แต่เป็นพระอภิธรรมะ ที่ยกให้พ้นจากห้วงการจมอยู่ในอวิชชา ในอวิชโชฆะ

ท่านอาจารย์: เป็นตัวธรรมะที่ระลึกถึงสิ่งที่กำลังปรากฏในลักษณะที่ถูกต้องตามความเป็นจริง แต่ละหนึ่ง

อ.อรรณพ: พ้นจากความไม่รู้ชั่วขณะ วันนี้เป็นประโยชน์ลึกซึ้งและละเอียด และเห็นถึงว่า ประมาทอะไรไม่ได้เลยครับ พระโยคาวจรเป็นคนนี้ เป็นคนนั้น เป็นใคร เป็นเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นประโยชน์มากครับ อ.คำปั่น

อ.คำปั่น: เป็นประโยชน์มากเลยครับ ข้อความที่ อ.วิชัย ได้อัญเชิญมาในช่วงนี้ซึ่งเป็นข้อความไม่ยาว แต่ไพเราะลึกซึ้งอย่างยิ่งครับ และที่ท่านอาจารย์ได้เกื้อกูลก็เห็นชัดมากครับว่า ไม่มีตัวตนจริงๆ ไม่มีใครที่จะยก แต่ว่า เป็นความเป็นไปของธรรมะครับ เพราะว่า ในเนื้อหาก็แสดงไว้ชัดเจนว่า สัตว์หรือบุคคลไม่มี มีแต่เพียงกองสังขารล้วนๆ เท่านั้น คือหาความเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนไม่ได้เลยครับ

แล้วก็มีข้อความที่แสดงถึงลักษณะทั้ง ๓ ด้วยครับ ก็คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาครับ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับว่า ในขณะที่มีการศึกษา ก็จะได้ยินคำว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา โดยเฉพาะที่บอกว่า ไม่เที่ยงครับ ก็เป็นคำที่ได้ฟังได้ศึกษาว่า เกิดแล้ว ดับแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย จากไม่มี แล้วก็มี แล้วก็ไม่มี ข้อความเหล่านี้จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลให้ความเข้าใจที่มั่นคงในความเป็นจริงของธรรมะอย่างไรครับ

ท่านอาจารย์: มีเรา มีโลก มีคน มีถนน มีพระอาทิตย์ มีดวงจันทร์ มีอะไรหรือเปล่า?

อ.คำปั่น: จริงๆ ไม่มีครับ

ท่านอาจารย์: เพราะอะไร?

อ.คำปั่น: เพราะเป็นแต่เพียงธรรมะ แต่ละหนึ่งๆ ที่เกิดแล้วดับไปเท่านั้นครับ

ท่านอาจารย์: ก็ต้องเข้าใจความหมายด้วยตามความเป็นจริง ไม่มีจริงๆ เพราะจากไม่มี ก็มี แล้วหามีไม่

อ.คำปั่น: ใช่ครับ เป็นข้อความที่เกื้อกูลทั้งหมดเลยครับ อย่างข้อความในอรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค นันทนสูตร ที่อธิบายพระคาถาว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา ก็เป็นประโยชน์มาก ขออนุญาติอ่านนะครับ

ข้อความมีดังนี้ครับ

บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา อธิบายว่าสังขารอันเป็นไปในภูมิ ๓ ทั้งหมด ชื่อว่า ไม่เที่ยง เพราะอรรถว่า มีแล้วหามีไม่

คำว่า อุปฺปาทวยธมฺมิโน ได้แก่ สภาวะที่เกิดขึ้นและเสื่อมไป อีกอย่างหนึ่งแปลว่า เพราะเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับไป เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า มีความเกิดขึ้น และเสื่อมไปเป็นธรรมดาครับ

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ..

สภาวะที่เกิดขึ้นและเสื่อมไป [นันทนสูตร]

ขอเชิญคลิกฟังได้ที่ ..

อกุศลธรรมที่เป็น โอฆะ ๔

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ อ.คำปั่น ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ย. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ