อกุศลธรรมที่เป็น โอฆะ ๔


    ประการต่อไป เป็นอกุศลธรรมที่เป็น โอฆะ ๔

    ถ้าตราบใดยังไม่บรรลุอริยสัจธรรมเป็นพระอริยบุคคล ก็จะไม่พ้นไปจากห้วงน้ำของกิเลส ซึ่งตัวท่านก็จะพิจารณาได้ว่า ท่านมีแม่น้ำ หรือว่าห้วงน้ำที่จะกั้นท่านให้จมอยู่ ให้วนเวียนอยู่ในวัฏฏะมากมายสักเท่าไร หรือว่าลดลงไป ละคลายลงไปได้แล้ว

    สำหรับองค์ธรรม หรือสภาพธรรมที่เป็นโอฆะ ก็เหมือนกับอาสวะทั้ง ๔ คือ กาโมฆะ ๑ ภโวฆะ ๑ ทิฏโฐฆะ ๑ อวิชโชฆะ ๑ เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่กามาสวะ หรือกาโมฆะเกิดขึ้น ทำให้ท่านไม่พ้นไปจากการเกิดและการตาย

    ภวาสวะ หรือ ภโวฆะเกิดขึ้น ไม่ทำให้ท่านพ้นไปจากการเกิดและการตาย เช่นเดียวกับทิฏโฐฆะ และทิฏฐาสวะ อวิชโชฆะ และอวิชชาสวะ

    ปุคคลปัญญัติปกรณ์ อภิธรรมปิฎก ได้กล่าวถึงบุคคลจมน้ำ ๗ จำพวก ซึ่งใน ๗ จำพวกนี้ เป็นพระอริยบุคคล ๔ จำพวก และเป็นผู้ที่ไม่ใช่ผู้ที่เป็นพระอริยบุคคลอีก ๓ จำพวก

    สำหรับผู้ที่เป็นอริยบุคคล ๔ จำพวกนั้น คือ

    พระโสดาบันบุคคลนั้นเปรียบเหมือนกับบุคคลที่จมน้ำ แล้วโผล่ขึ้นเหลียว มองดู

    สำหรับบุคคลที่เป็นพระอริยะขั้นต่อไป คือ พระสกทาคามีบุคคลนั้นเปรียบเหมือนบุคคลที่โผล่ขึ้น แล้วก็ว่ายต่อไป

    สำหรับพระอริยบุคคลขั้นต่อไป คือ พระอนาคามีบุคคลนั้นเปรียบเหมือนบุคคลที่โผล่ขึ้น แล้วว่ายไปถึงที่ตื้นพอที่จะหยั่งได้

    ส่วนพระอรหันต์นั้น ซึ่งเป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๔ เปรียบเหมือนบุคคลที่โผล่ขึ้น แล้วว่ายข้ามไปถึงฝั่ง ยืนอยู่บนบก จึงเป็นผู้พ้นจากห้วงโอฆะของความเกิด ความตาย

    ผู้ที่ยังไม่บรรลุเป็นพระอริยบุคคล มี ๓ จำพวก คือ

    ๑. ผู้ที่จมแล้วไม่โผล่

    ไม่โผล่เลยยังจมอยู่ใต้น้ำ ได้แก่ คนที่เกิดมาแล้วก็แวดล้อม พัวพัน หมกมุ่นอยู่แต่เฉพาะในอกุศลธรรม ก็เป็นบุคคลที่จมแล้วไม่โผล่

    ๒. ส่วนอีกบุคคลหนึ่ง คือ บุคคลจำพวกที่ ๒ นั้นโผล่ขึ้น แล้วก็จมลงอีก ได้แก่ ผู้ที่โผล่ขึ้นทำกุศลธรรม แต่ไม่เจริญกุศลอยู่เป็นนิจ

    ๓. ส่วนบุคคลอีกประเภทหนึ่งนั้น ก็เป็นผู้ที่โผล่ขึ้นจากน้ำ แล้วก็หยุดอยู่ ไม่จมลงไปอีก

    ได้แก่ บุคคลที่เจริญกุศลแล้วไม่ประมาท เพียรเจริญกุศลสม่ำเสมอตลอดไป จนกว่าจะได้รู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอริยบุคคล [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 134]


    หมายเลข 14039
    16 ก.ย. 2568