พึ่งทุกคำ ลึกซึ้งทุกคำ

ลักขณาทิจตุกะ
ลกฺขณ (เครื่องหมายรู้) + อาทิ (เป็นต้น) + จตุกฺก (หมวด ๔)
ธรรมหมวด ๔ มีลักษณะเป็นต้น หมายถึง
ลักษณะ ๑
กิจ ๑
ปัจจุปัฏฐาน (ผลปรากฏ) ๑
ปทัฏฐาน (เหตุใกล้ให้เกิด) ๑
ของสภาพธรรมต่างๆ ซึ่งเมื่อเข้าใจลักขณาทิจตุกะของปรมัตถธรรมแล้วจะเป็นปัจจัยให้สามารถสังเกต ระลึกศึกษาสภาพธรรมจนค่อยๆ รู้ค่อยๆ เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงและถ่ายถอนความยึดถือความเป็นตัวตนได้ในที่สุด
ท่านอาจารย์: ต้องมีความเข้าใจที่ละเอียดจริงๆ ตรงจริงๆ ถูกต้องจริงๆ ลึกซึ้งจริงๆ แม้แต่คำว่า สว่าง กับมืด ไม่เคยคิด สว่างทางเดียว แล้วอย่างไรล่ะ แค่ทางเดียว แล้วทางอื่นทั้งเยอะ ไม่มืดหรือ? แม้กระนั้น ก็เป็นเพียงขั้นไตร่ตรองซึ่งต้องตรงตามความเป็นจริง
เพราะฉะนั้น เมื่อตรงตามความเป็นจริง เมื่อประจักษ์แจ้ง ก็ต้องในความมืดใช่ไหม?
อ.อรรณพ: เพราะความจริงมืดครับ แล้วก็สลดใจมากๆ โมหะที่เกิดขึ้นทางตา แม้โมหะนั้นก็มีสิ่งที่สว่างเป็นอารมณ์ แต่โมหะนั้นก็ไม่ได้เข้าใจถูกสิ่งที่กระทบตาที่ส่างนั้นเลย แล้วแถมไปปกปิดจิต และเจตสิกที่เกิดด้วยกัน ไม่ให้รู้ไม่ให้มีการที่จะทำหน้าที่ด้วยความดีงามด้วยซ้ำไป เป็นสภาพที่มืด
เมื่อวานมีข้อความว่า โมหะ ชื่อว่าธรรม คือความมืดครับ เพราะเป็นสภาพที่ปกปิด คือระลึกถึงคำท่านอาจารย์ที่เมื่อสักครู่ตั้งแต่ต้นรายการ โมหะเกิดหลังเห็นแล้ว ๓ ขณะ โมหะก็เกิดแล้ว มืดแล้ว มืดเลย ทั้งๆ ที่มีสิ่งที่สว่างเป็นอารมณ์ แต่ก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่สว่างนั้นตามความเป็นจริง
ดูซิ!! และถ้าเป็นสิ่งอื่นที่ปรากฏทางหู จมูก ลิ้น กาย ใจ และรูปอื่นๆ นามธรรมอื่นๆ ต่างๆ ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่สว่าง ไม่ใช่วรรณะรูปครับ ก็ไม่มีทางเลย
เพราะฉะนั้น เป็นเพราะนามธรรมนี้ก็ไม่ใช่สี เพราะฉะนั้น นามธรรมนี่ก็มืด แล้วก็มีอยู่มากมายปรากฏ แต่ก็ปรากฏแก่ความไม่รู้ครับ
ท่านอาจารย์: จึงมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พึ่งทุกคำ ลึกซึ้งทุกคำ ไม่ใช่พึ่งความคิดของเราเอง แต่ต้องรู้ความลึกซึ้งอย่างยิ่ง กว่าพระองค์จะตรัสรู้
เพราะฉะนั้น จึงทรงแสดงความลึกซึ้งอย่างยิ่งของธรรมะ
อ.อรรณพ: พุทธานุสติโดยไม่ต้องใช้คำเลยครับท่านอาจารย์ว่า พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีมานานแสนนานเพื่อที่จะตรัสรู้สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
ท่านอาจารย์: สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทุกขณะด้วย
อ.อรรณพ: ทุกขณะ และก็รู้ความเป็นไปของโมหะ จนพระองค์ก็ตรัสกับภิกษุเสมอว่า พราะไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ คืออริยสัจจ์ เรา และเธอทั้งหลายท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏฏ์เป็นอเนกอนันท์
ท่านอาจารย์: ถ้าไม่รู้ความจริง สามารถที่จะมีพุทธานุสสติได้ไหม?
อ.อรรณพ: ไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์: เห็นไหม ไม่ใช่ท่อง พุทโธๆ ๆ ๆ ต้องละเอียดมากที่จะรู้ว่า พุทธานุสสติเกิดได้เมื่อมีความเข้าใจสิ่งที่ลึกซึ้งในคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่เข้าใจธรรมะ ระลึกถึงคุณทันทีได้
อ.อรรณพ: นึกถึงคุณที่ทรงแสดงว่า หลังเห็นแล้ว ๓ ขณะ โมหะก็ไหลไป มืดปกปิดแม้จะรู้สิ่งที่สว่าง แต่ก็โง่มากที่ไม่รู้ลักษณะของความสว่างตามเป็นจริงนะครับ เพราะฉะนั้น โลกทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง จนกว่าปัญญาที่เกิดจากการอบรมจากขั้นการฟัง อย่างท่านอาจารย์กล่าวในวันนี้เป็นการบ่มสัจจญาณ ความจริงของสิ่งที่มีจริงไปเรื่อยๆ ครับ
ท่านอาจารย์: สิ่งที่แสนมืดในความสว่าง เห็นไหม ความไม่รู้
อ.อรรณพ: แม้ว่า จะมีสิ่งที่สว่างเป็นอารมณ์ ทางตาครับ ก็มืดมาก ขนาดสว่างอยู่ยังไม่รู้จักความสว่าง แล้วก็ยังไปมีกิจของโมหะที่เราเรียนกันใน ลักขณาทิจตุกะ กิจ ก็คือปกปิดอารมณ์ แม้มีอารมณ์ก็ปกปิดไม่ให้รู้ลักษณะอารมณ์ แล้วก็ยังปรุงแต่งให้จิต เจตสิกด้วยกันระคนไปด้วยความไม่รู้
โมหะ นี้จึงเป็นโมหเหตุ เป็นเหตุปัจจัย แล้วก็เป็นสาธารณเหตุโดยต่างขณะด้วย ซึ่งเป็นอุปนิสสยปัจจัยมากๆ เลยครับที่เป็นก้นบึ้งของการที่ธรรมะจะอาศัยกันเกิดเป็นปัจจัย เป็นปัจจยการ ก็ไม่ใช่ชื่อ ไม่ใช่คำ แต่มีลักษณะของโมหะที่เป็นอย่างนั้นจริงๆ และพระองค์ทรงแสดงโมหะเป็นธาตุใหญ่
เห็นถึงพระคุณสุดประมาณว่า ไม่มีใครที่จะรู้เลยว่า เห็นแล้ว ๓ ขณะ โมหะก็เกิด มืดตื้อมาแล้ว
ท่านอาจารย์: แล้วใหญ่แค่ไหน!! ใหญ่ที่ปกปิดความจริงทุกอย่าง
อ.อรรณพ: ความจริงอะไรก็ปกปิดไว้หมดเลย หนักมาก ใหญ่มากเลย แล้วก็ยังความปกปิดไม่ปรากฏตัวให้รู้ด้วย เป็นหัวหน้าที่ไม่ปรากฏตัว แต่ว่า หัวหน้าใหญ่มาก วันนี้ซาบซึ้งจริงๆ ครับ ระลึกถึงพระคุณสูงสุดเมื่อเข้าใจ แล้วก็อบรมเจริญปัญญา แล้วก็กตัญญูกตเวทีพระองค์ โดยการศึกษาแล้วก็กล่าวคำของพระองค์ให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย ไม่ว่าคนรุ่นใหม่นะครับ
ท่านอาจารย์: ค่อยๆ ละความหวังที่จะรู้ความจริงของเดี๋ยวนี้ เพราะว่า เป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีความเข้าใจในแต่ละสิ่งที่กำลังปรากฏ
อ.อรรณพ: เป็นเช่นนั้นเลยครับท่านอาจารย์
ขอเชิญอ่านได้ที่ ..
กำจัดความมืดคืออวิชชาด้วยสัมมาทิฏฐิ
พุทธานุสสติ [เอกนิบาต-ทุกนิบาต]
ขอเชิญฟังได้ที่ ..
สิ่งที่มีประโยชน์น้อยแต่ผูกพันธ์มาก
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ
ต้องมีความเข้าใจที่ละเอียดจริงๆ ตรงจริงๆ ถูกต้องจริงๆ ลึกซึ้งจริงๆ แม้แต่คำว่า สว่าง กับมืด ไม่เคยคิด สว่างทางเดียว แค่ทางเดียว แล้วทางอื่นทั้งเยอะ ไม่มืดหรือ แม้กระนั้น ก็เป็นเพียงขั้นไตร่ตรองซึ่งต้องตรงตามความเป็นจริง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ


