นามธรรม ยกอะไรได้ไหม?

 
เมตตา
วันที่  22 ก.ย. 2568
หมายเลข  50977
อ่าน  269

[เล่มที่ 18] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้า 285

ข้อความบางตอนจาก

อลคัททูปมสูตร

[๒๗๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษบางพวกในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรมคือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน​ อิติวุตตก​ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ โมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียนธรรมนั้นแล้ว ย่อมไม่ไตร่ตรองเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา ธรรมเหล่านั้นย่อมไม่ควรซึ่งการเพ่งแห่งโมฆบุรุษเหล่านั้น ผู้ไม่ไตร่ตรองเนื้อความด้วยปัญญา โมฆบุรุษเหล่านั้น ข่มผู้อื่นเป็นอานิสงส์ หมายเปลื้องคำกล่าวร้ายของผู้อื่นเป็นอานิสงส์ จึงเล่าเรียนธรรม ก็กุลบุตรทั้งหลาย ย่อมเล่าเรียนธรรมเพื่อประโยชน์อันใด โมฆบุรุษเหล่านั้น ย่อมไม่ได้เสวยประโยชน์นั้นแห่งธรรมนั้น ธรรมเหล่านั้น อันโมฆบุรุษเหล่านั้นเรียนไม่ดีแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน


[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 733

พระโยคาวจรนั้น เมื่อพิเคราะห์ดูว่า เบญจขันธ์เหล่านี้มีอะไรเป็นเหตุ ก็จะเห็นว่า มีอวิชชาเป็นต้นเป็นเหตุ. แต่นั้นพระโยคาวจรจะยก (เบญจขันธ์) ขึ้นสู่ไตรลักษณ์ ด้วยอํานาจนามรูป พร้อมทั้งปัจจัยว่านี้เป็น (เพียง) ปัจจัย และสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น ไม่มีอย่างอื่นที่เป็นสัตว์หรือบุคคล มีเพียงกองสังขารล้วนๆ เท่านั้น แล้วพิจารณาตรวจตราไปว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามลําดับแห่งวิปัสสนา.


อ.อรรณพ: กราบเท้าท่านอาจารย์จริงๆ ว่า ก็เราไม่มีปัญญา แล้วเราก็มีแต่ ความเป็นตัวเป็นตน และความไม่รู้ แล้วเราก็ศึกษาข้อความในพระไตรปิฎก เช่น ยกเบญจขันธ์ขึ้นสู่ไตรลักษณ์บ้าง ยกขึ้นสู่อารมณ์บ้าง แล้วเราก็คำว่ายก ยก ก็คือเอาของที่อยู่ข้างล่างมาข้างบนอะไรอย่างนี้ครับท่านอาจารย์ นี่เป็นความยากยิ่งในการที่เราศึกษาข้อความในพระไตรปิฎก แม้เป็นข้อความที่ท่านผู้รู้บาลีอนุเคราะห์แปลมาแล้วนะครับ แต่ก็ยังเข้าใจยากอย่างนี้ครับ

และหรือว่า เวทนาเสวยบ้าง ซึ่งก็เป็นคำแปล แต่ท่านอาจารย์มีความเห็น และความที่จะอนุเคราะห์ที่จะศึกษาข้อความในพระไตรปิฎก และอรรถกถาโดยเฉพาะอรรถกถาให้มีความตรงตามอรรถะ ซึ่งก็ยาก เพราะคำ และภาษา เราก็ไม่คุ้นชิน หรือเราคุ้นชินไปอีกทาง เช่น ยก อะไรอย่างนี้ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ก็ต้องเข้าใจไปตามความเป็นจริงว่า นามธรรม ยกอะไรได้ไหม? เห็นไหม สภาพรู้ก็ต้องมั่นคง สภาพรู้เกิดขึ้นรู้ไม่ใช่หรือ? จะไปยกอะไร?

อ.อรรณพ: ครับ ผมก็อัศจรรย์ปัญญาท่านอาจารย์ว่า ไม่ว่าจะมีการแปลว่าเป็นอย่างไร แต่ท่านอาจารย์ ก็เข้าใจตรงตามอรรถะ ครับ ท่านอาจารย์ครับท่านเข้าใจตรงตามอรรถะ ไม่ว่าจะแปลมาอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะอะไร เพราะว่าอาศัยเข้าใจในส่วนทุกส่วน ส่วนอื่นๆ มาประกอบกันหรืออย่างไรครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่อาศัยการไตร่ตรองในความ ละเอียดขึ้นๆ ๆ ลึกซึ้งขึ้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจความลึกซึ้งของธรรมะ

เพราะฉะนั้น ต้องไม่ประมาทเลย แม้แต่คำว่า ธรรมะ สิ่งที่มีจริง ต้องลึกซึ้งแน่นอน ไม่ใช่อย่างที่ปรากฏ

มิเช่นนั้น ทุกคนรู้หมดถ้าเป็นสิ่งที่ปรากฏ แต่เพราะไม่เป็นอย่างที่ปรากฏ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อรู้ความจริงที่ลึกซึ้งสุดที่จะประมาณได้

มิเช่นนั้น ก็ต้องไม่อาศัยกาลเวลาที่ยาวนานมากกว่าที่จะประจักษ์ความจริงซึ่งได้ฟังแล้วตามลำดับของความเข้าใจ ที่จะต้องตรงตามนั้นว่า ไม่สามารถที่จะข้ามไปไหนๆ กระโดดไปไหนๆ ได้เลย ต้องมีความเข้าใจที่ละเอียดจริงๆ ตรงจริงๆ ถูกต้องจริงๆ ลึกซึ้งจริงๆ

ขอเชิญอ่านได้ที่ ..

ผู้ไม่ไตร่ตรองธรรมด้วยปัญญา [อลคัททูปมสูตร]

ฟังด้วยการไตร่ตรอง

ขอเชิญฟังได้ที่ ..

ภาวนาในโพธิสมภารมี ๔ อย่าง

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ