ทรงตรัสรู้ทุกอย่างที่มีจริง

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  22 ก.ย. 2568
หมายเลข  50979
อ่าน  1,113

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกอย่างที่มีจริง มีแน่นอน ไม่ใช่ไม่มี แต่ เกิดขึ้น ตามเหตุ ตามปัจจัย ไม่มีใครไปทำให้เกิด เมื่อเกิดแล้วก็หมดไป จะ "เป็นเรา" ไม่ได้ หมดแล้ว ไม่เหลือเลย ไม่กลับมาอีก ไม่ใช่ของเรา เพราะ "ไม่มีเรา" ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ภาษาบาลี อนิจจัง แปลว่า ไม่เที่ยง ทุกอย่าง เกิดแล้วดับไป แล้วก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาด้วย


รับฟัง ...

รู้สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ

สิ่งที่เพียงเกิดและดับ มีประโยชน์ไหม? เกิดดับ มาตั้งแต่เด็ก จนถึงเดี๋ยวนี้ แล้วก็จะเกิดดับ จนถึงขณะที่สิ้นชีวิต แล้วก็ยังเกิดดับ ต่อไปอีก เพราะมีเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดดับ ไม่รู้จบสิ้น!!! จะต้องการ หรือไม่ต้องการ เกิด ตามเหตุปัจจัย นี่คือ ความจริง คือ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา

ด้วยเหตุนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิด ไม่เที่ยง เกิดแล้วต้องดับ สิ่งที่เกิดดับ ไม่ควรเห็นว่าเป็นสุขเพราะฉะนั้น ใช้คำว่า "ทุกข์" ไม่ได้หมายความว่า เจ็บ ปวด โกรธ ไม่ชอบ แต่หมายความว่า ไม่มีสาระ เพราะเหตุว่า แค่ให้เกิดมา แล้วก็ดับไป เกิดมา แล้วก็ดับไป ทุกอย่าง แล้วเกิดมาทำไม? ไม่ได้ยั่งยืนอะไรเลย!!! เกิดแล้วก็ดับไป แล้วก็ไม่กลับมาอีกด้วย

คำสอนทุกคำ เพื่อให้ฟัง เกิดความเข้าใจ ของตัวเองที่ถูกต้อง และรู้ว่า พระพุทธเจ้าคือใคร คือ ผู้ที่สอนให้ทุกคน เข้าใจความจริง ทุกคำ เป็นวาจาสัจจะ ถ้าเข้าใจแล้ว เปลี่ยนไม่ได้

เปิดอ่าน ...

ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ตลาดโบ๊เบ๊


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ก.ย. 2568

ทำไมพุทธศาสนิกชนต้องฟังพระธรรม เพราะพระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรมคือเรื่องของสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ให้คนฟังเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ให้มีความเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏ ต้องเข้าใจว่าปัญญาคือขณะที่กำลังฟังขณะนี้ เข้าใจขึ้นบ้างหรือยังในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ถ้ายังไม่เข้าใจ ปัญญาก็ยังไม่เกิด

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ