ความอาลัยในความเป็นเรา

ข้อความในพระไตรปิฎกว่าอย่างไร ... ให้เข้าใจและให้คิดถึงธรรมะ ข้อสำคัญคือให้คิดถึงและเข้าใจธรรมะ ไม่งั้นก็พยายามคิดเอง พาเพลินไปในอัธยาศัยที่คุ้นเคย
ฟังพระธรรมเพื่อความเข้าใจ คำในพระไตรปิฎกมีเยอะ ฟังแล้วเราคิดอะไรหรือเราเข้าใจตัวธรรมะ ทั้งหมดทุกคำที่สำคัญที่สุดคือให้เข้าใจธรรมะ
กงกำกงเกวียนคืออะไร?! คิดไปก็ไม่รู้จักตัวจริงของธรรมะ เห็นขณะนี้เป็นวิบาก ... รู้หรือยัง?! เพราะฉะนั้นศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้
ความอาลัยในความเป็นเรา !! อาลัยเป็นอะไรต้องชัดเจนและเวลานี้อาลัยอะไร?! (อาลัยในความไม่มีอะไร เกิดขึ้นและดับไปหมดแล้วก็ติดข้อง) (อาลัยในความเป็นเรามีตลอดเวลาอยู่แล้ว) ... แต่ไม่ปรากฏ ... เมื่อไหร่เป็นอาลัย ... ไม่เห็น!! เราพูดธรรมะทุกอย่างแต่ว่ายังไม่รู้แม้แต่คำที่เราได้ยินแต่ละคำ ... เพียงแค่รู้ว่ามีจริงๆ!! ถ้าบอกว่าเดี๋ยวนี้เห็นพวงมาลัย ... อาลัยหรือเปล่า?! ... ชอบเท่านั้นเอง ธรรมะต้องตรง แค่ไหนก็แค่นั้น พอเห็นแล้วชอบก็ต้องชอบ ... จะถึงกับอาลัยไหม?! เพราะฉะนั้นการฟังธรรมะถึงต้องเข้าใจธรรมะ เพราะเราเข้าใจธรรมะ เราก็สามารถเข้าใจความหมายของคำอื่นๆ ด้วย
ฟังธรรมะ ... ฟังจนกว่าจะเข้าใจในขั้นฟัง
🍃อาลัยในความเป็นเรา🍃
สภาพธรรมแม้ปรากฏก็ยังอาลัยในสิ่งนั้น
ยังไม่หมดเยื่อใยที่จะยึดถือสิ่งนั้นว่าเป็นเรา
ไม่สามารถตัดขาดในความเป็นเราได้
ฟัง (ธรรม) ไว้ๆ รู้ไว้ๆ แต่ยังไม่เห็นภาวะนั้น
ค่อยๆ เข้าใจในความไม่ใช่เรา
อ่านเพิ่มเติม อาลัยในความเป็นเรา
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ บ้านคุณหมอนันทวัช สิทธิรักษ์ 15 กรกฎาคม 2560

ต้องมีคู่มือการเรียนธรรมะไหม ?! แค่เรารู้ว่าเราไม่มีความเข้าใจธรรมะและเราควรจะได้เข้าใจแล้วเราก็ฟังให้เข้าใจ ... ก็จบแล้ว!! จะอะไรกันนักหนาไม่รู้ก็ฟังแล้วก็รู้แล้วก็เข้าใจ ... ก็จบสิ!!

ถาม : ก่อนมาศึกษาธรรมะ ก็พยายามทำดีทุกรูปแบบ ปกตินอกจากทำบุญทำทาน ก็แจกหนังสือธรรมะ ... ไม่ได้อ่าน ... เก็บไว้เพราะรูปเล่มสวย ... หลังๆ พอมาเปิดดูก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก ... ติดใจที่มีเรื่องเกี่ยวกับคาถาต่างๆ คิดว่าไม่ใช่ จึงคิดจะทิ้ง จะทำอย่างไรฉีกทิ้งดีไหม?? (ทำไปแล้วก็ทำไปแล้ว ดับไปแล้วสำคัญที่ปัจจุบัน)
ทอจ. : บางสิ่งบางอย่างเราคิดจนงงว่าจะทำอย่างไรดี?! เอาไปเป็นประโยชน์ก็ดีกว่าฉีกทิ้งเพราะไม่ใช้แล้ว
น่าเสียดายที่เรารีบร้อนไปทำสิ่งที่เราคิดว่าถูกก่อนที่เราจะศึกษาให้เข้าใจจริงๆ ว่าถูกหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นถ้าใครชวนทำอะไร ... เดี๋ยวเขาชวนเข้าป่าหลงทางแล้วก็ไปกับเขา ... ต้องศึกษาต้องเข้าใจก่อนในทุกอย่างแล้วถึงจะทำ ไม่ใช่คนที่เชื่อใครง่ายๆ ใครบอกว่าเป็นหนังสือธรรมะเราพลอยบอกว่าเป็นหนังสือธรรมะด้วย ... ไม่ได้ ... มันไม่ใช่หนังสือธรรมะ!!

ให้เข้าใจความจริงในชีวิตประจำวันให้ละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น เพราะว่าบางคนรีบร้อนที่จะหมดโลภะ ... ได้ยังไง?? ... นอกจากเพิ่มโลภะโดยไม่รู้ตัวว่าขณะนั้นก็มีความเป็นเรา!! เพราะฉะนั้นอาลัยจริงๆ อาลัยในอะไร ... ในสิ่งที่ปรากฏความเป็นสิ่งนั้น แต่ยังไม่หมดเยื่อใยที่ยังคงยึดถือสิ่งนั้นว่าเป็นเรา

การหาตรงข้ามกับปัญญา โลภะหา ... ปัญญารู้ ปัญญามีหน้าที่อย่างเดียวคือเข้าใจถูก รู้ความจริง
เข้าใจเท่านั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก ถ้าไม่เข้าใจก็ยุ่งยากมาก ทำอย่างโน้นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
คุณตริณ : ตอนนี้เข้าใจว่ายังไม่เข้าใจและเข้าใจว่า แม้กระทั่งได้ฟังคุ้นหูบ้าง แต่ว่าต้องอาศัยความเข้าใจที่ขึ้นไปเป็นลำดับ และอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อให้สิ่งนั้นปรากฏได้
เมื่อไหร่เริ่มคุ้นกับเห็น ... ทุกคนเห็น ... (เมื่อรู้ว่าเห็นไม่ใช่เรา) (มีธรรมะแต่ยังไม่ปรากฏเพราะความเข้าใจยังไม่พอ) ตอนนี้ยังไม่คุ้น แต่จะเริ่มคุ้นเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้คุ้นกับชื่อคุ้นกับเรื่อง (ก็ต้องคุ้นเคยกับปริยัติ) (จะเริ่มคุ้นเมื่อมีการระลึกถึงเห็นบ่อยๆ เนืองๆ เมื่อสติเกิดก็รู้ว่าเป็นเพียงสภาพที่รู้สี) เพราะฉะนั้นยังไม่หมดสงสัยในเห็น ... วิจิกิจฉานุสัย ... ไม่มีทางที่ใครจะบอกว่ารู้แล้วจนกว่าตัวเห็นจริงๆ จะปรากฎ ต้องเป็นวิปัสสนาญาณ คุ้นกับเห็นเมื่อเข้าใจเวลาที่สติสัมปชัญญะเกิดว่าขณะนั้นไม่ใช่ฟังเรื่องราว แต่มีเห็นและขณะนั้นไม่ใช่ไปพยายามนึกคิดเรื่องราวปรุงแต่งให้เข้าใจเห็น แต่การที่เคยเข้าใจจากคำจากเรื่องราวของเห็น ขณะนั้นเป็นขณะที่เริ่ม ... กำลังเห็นต้องไปหาไหมว่าตรงไหน ... ถ้ากำลังหาก็ไม่ถูก!!เพราะว่าเห็นแล้วดับ เข้าใจขณะเห็นลองคิดดูจะนานเท่าไหร่กว่าจะเข้าใจได้!!!
ถ้าไม่มีความเข้าใจพอ เพราะฉะนั้นคอยดีไหม ... คอยเห็นดีไหม?? ทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง นอกจากขณะนั้นรู้ว่ายังไม่เกิดขึ้นถึงขั้นที่จะเข้าใจทั้งๆ ที่กำลังเห็นแล้วก็เห็นทุกวัน
คุณพรทิพย์ : ถ้าคิดไตร่ตรองเรื่องเห็นบ่อยๆ ดีไหมคะ??
ทอจ. : มีประโยชน์ไหม?? ไม่รู้กับรู้อะไรดี?? ... ฟังธรรมะเพื่อทุกคนตอบเองไม่ใช่ฟังธรรมะแล้วให้คนอื่นตอบ
คุณสุคิน : ห้ามคิดไม่ได้ คิดไม่ใช่ปัญญา ทำคนละกิจ สำคัญที่เข้าใจ

มีบารมีแต่ขณะนั้นกุศลเกิดไม่ประกอบด้วยปัญญาได้ไหม??
บารมีจะมากหรือน้อยแค่ไหนชีวิตประจำวันเป็นเครื่องแสดง แต่ถ้ามีความเข้าใจธรรมะแล้วไม่ต้องไปคิดว่าจะทำบารมี ... เสียเวลา ...
จากการที่เคยไม่ดีแม้เล็กน้อยนิดหน่อยอาจจะคิดว่าไม่เป็นไร แต่ขณะนั้นคนที่มีบารมีก็จะมีปัญญานำไปในกิจทั้งปวง
เป็นการสะสมปัญญาทีละเล็กทีละน้อย ก็จะเห็นว่าสิ่งที่ละเอียดที่สุดก็ไม่ควรที่จะผ่านไป ... ไปมองแต่สิ่งใหญ่ๆ ว่าจะทำทานบารมีหรือศีลบารมี แต่ความจริงก็คือว่าแม้เพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ใครทำ?! แสดงให้เห็นว่าทั้งหมดเป็นธรรมะ บารมีที่สะสมมาไม่หายไปไหน จะเพิ่มขึ้นจะมากจะน้อยก็เป็นไปตามปัจจัย

การสนทนาธรรมเป็นมงคล สามารถทำให้ที่เคยฟังมาแล้วเข้าใจยิ่งขึ้น
ศึกษาธรรมะแล้วละทิ้ง เพราะไม่เข้าใจ ละทิ้งศาสดาเพราะไม่เข้าใจ
คนที่เข้าใจธรรมะและรู้ว่าเป็นผู้เริ่ม ก็ต้องรู้ด้วยว่าต้องเริ่มใหม่ๆ เพราะเป็นผู้เริ่มนั้นยากอยู่แล้ว ... เริ่มอีกๆ ๆ เหมือนเริ่มอยู่ทุกครั้ง
การเข้าใจการบ่มพระโพธิญาณของพระพุทธเจ้าและการที่ข้าวจะออกรวง ทำให้เข้าใจเลยว่าเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นไม่ต้องเดือดร้อนเลยที่จะเข้าใจพระธรรม ... แต่ถ้าคนเข้าใจผิด ... พระสูตรบอกให้เพียร ... ข้าวจะออกรวง ... เขาคิดว่าจะต้องไปทำ บำรุงเต็มที่ ... แต่เขาไม่คิดว่าจะยังไงก็ตามมันไม่ใช่ตัวเขาที่จะทำได้ แล้วลืมว่าไม่มีเรา เพราะฉะนั้นขณะนั้นก็เป็นตัวตนที่พยายาม แล้วคิดว่าได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม เพราะเขาอ่านเผินๆ และคิดว่ามีความรู้ความเข้าใจ
คนที่เข้าใจถูกแล้ว ฟังอะไรที่ผิดก็รู้ว่าผิด
คุณตริณ : เวลาศึกษาพระไตรปิฎกหรือฟังธรรมะสิ่งที่จะเจอก็คือความเห็นผิดที่เราเคยมีมา แต่ถ้าเราศึกษาโดยที่ไม่เข้าใจก็จะถือเอาความผิดนั้นว่า พวกท่านสอนให้ทำอย่างนั้น แต่ถ้าศึกษาจริงๆ ก็จะรู้ได้เลยว่าพวกท่านไม่ได้สอนให้ทำอย่างนั้นเลย มีแต่ความเข้าใจผิดเองที่จะไปทำ
ทอจ. : ถ้าเข้าใจอ่านแล้วก็เข้าใจหมด ... เป็นแต่เพียงคำเตือนให้เราได้ระลึกถึงความจริง ... กล่าวถึงสิ่งที่มี!!



