ศัตรูใกล้ของเมตตา

 
เมตตา
วันที่  19 พ.ค. 2568
หมายเลข  49976
อ่าน  448

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 328

เมตตสูตร

ว่าด้วยการแผ่เมตตาในสัตว์ทั้งปวง

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสสอนพวกภิกษุผู้อยู่ป่าว่า

[๑๐] กิจใดนั้น อันพระอริยะบรรลุบทอันสงบทำแล้วกิจนั้น อันกุลบุตรผู้ฉลาดพึงทำ กุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้อาจหาญตรงและตรงด้วยดี พึงเป็นผู้ว่าง่ายอ่อนโยน ไม่มีอติมานะ พึงเป็นผู้สันโดษเลี้ยงง่าย เป็นผู้มีกิจน้อย ประพฤติเบากายจิต พึงเป็นผู้มีอินทรีย์สงบ มีปัญญารักษาตัว เป็นผู้ไม่คะนอง ไม่ติดในสกุลทั้งหลาย วิญญูชนติเตียนชนทั้งหลายอื่นได้ด้วยกรรมอันลามกใด ก็ไม่พึงประพฤติกรรมอันลามกนั้น พึงแผ่ไมตรีจิตไปในหมู่สัตว์ว่า ขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุขมีความเกษมมีตนถึงความสุขเถิด สัตว์มีชีวิตทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่ ยังเป็นผู้สะดุ้ง [มีตัณหา] หรือเป็นผู้มั่นคง [ไม่มีตัณหา] ทั้งหมดไม่เหลือเลย. เหล่าใดยาวหรือใหญ่ปานกลางหรือนั้นผอมหรืออ้วน. เหล่าใดที่เราเห็นแล้วหรือมิได้เห็น เหล่าใดอยู่ในที่ไกลหรือไม่ไกล ที่เกิดแล้วหรือที่แสวงหาภพเกิด ขอสัตว์ทั้งปวงเหล่านั้นจงเป็นผู้มีตนถึงความสุขเกิด.

สัตว์อื่นไม่พึงข่มเหงสัตว์อื่น ไม่พึงดูหมิ่นอะไรๆ เขา ไม่ว่าในที่ไรๆ เลย ไม่พึงปรารถ นาทุกข์แก่กันและกันเพราะความกริ้วโกรธและเพราะความคุมแค้น.

มารดาถนอมบุตรคนเดียวผู้เกิดในตนด้วยชีวิตฉันใด พึงเจริญเมตตามีในใจไม่มีประ มาณในสัตว์ทั้งปวงแม้ฉันนั้น. พึงเจริญเมตตามีในใจไม่มีประมาณในโลกทั้งปวง ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง เป็นธรรมอันไม่คับแค้น ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู.

ผู้เจริญเมตตานั้น ยืนก็ดี เดินก็ดี นั่งก็ดี นอนก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงนอน [คือไม่ง่วงนอน] เพียงใด ก็พึงตั้งสตินั้นไว้เพียงนั้น. ปราชญ์ทั้งหลายเรียกการอยู่นี้ว่า พรหมวิหารในพระศาสนานี้. มีเมตตาไม่เข้าถึงทิฏฐิ [สักกายทิฏฐิ] เป็นผู้มีศีลถึงพร้อมด้วยทัสสนะ [สัมมาทิฏฐิในโสดาปัตติมรรค] นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออกไปได้ก็ย่อมไม่เข้าถึงการนอนในครรภ์อีกโดยแท้แล.

จบเมตตสูตร


[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 334

๖. ทุติยเมตตาสูตร

ว่าด้วยผู้เจริญอัปปมัญญา ๔ จำพวก

[๑๒๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยเมตตา แผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันใด มีอยู่ในเมตตาฌานนั้น บุคคลนั้นพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศรเป็นของทนได้ยาก เป็นของเบียดเบียน เป็นของไม่เชื่อฟัง เป็นของต้องทำลายไป เป็นของว่างเปล่า เป็นของไม่ใช่ตน บุคคลนั้น เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความอุบัตินี้แลไม่ทั่วไปด้วยปุถุชน.

อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยกรุณา ...

อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยมุทิตา ...

อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยอุเบกขา แผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้ง เบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันใด มีอยู่ในอุเบกขาฌานนั้น บุคคลนั้น พิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นของทนได้ยาก เป็นของเบียดเบียน เป็นของไม่เชื่อฟัง เป็นของต้องทำลายไป เป็นของว่างเปล่า เป็นของไม่ใช่ตน บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความอุบัตินี้แลไม่ทั่วไปด้วยปุถุชน.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.

จบทุติยเมตตาสูตรที่ ๖


อ.วิชัย: มีประเด็นหนึ่งครับท่านอาจารย์กล่าวเมื่อสักครู่นี้ว่า เมตตาเป็นความเป็นมิตร เป็นความหวังดี เป็นความปราถนาดี ไม่คิดร้าย การที่ได้จะเข้าใจลักษณะของเมตตาไม่ใช่เพียงรู้ความหมายของเมตตา ครับ

เพราะฉะนั้น ตั้งแต่คำที่บ่ง หรือแสดงให้เข้าใจในลักษณะของความเป็นมิตร ก็ต้องไตร่ตรอง แล้วก็พิจารณาในลักษณะของจิตที่เกิดขึ้นเป็นไปในกุศลที่เป็นมิตรด้วยจริงๆ ใช่ไหมครับท่านอาจารย์ เพราะว่าอย่างคนฟังเรื่อง เมตตา ก็เหมือนจะไปแผ่เมตตา แล้วก็เป็นอัปมัญญาด้วย ก็คือไม่ประมาณในสัตว์ทั้งปวงครับ

ดังนั้น การเริ่มต้นที่จะมีความเป็นมิตรต่อบุคคลรอบข้าง แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น ก็ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่จะเป็นปัญญา ที่จะเข้าใจในลักษณะของลักษณะของเมตตาจริงๆ ครับ

ท่านอาจารย์: แน่นอนที่สุด เพราะว่าถ้าไม่มีปัญญา ก็คนนั้นทำอะไรล่ะ? ต่างๆ สารพัดสารเพที่จะไปเพ่งเล็งใช่ไหม? มองดูด้วยความไม่พอใจ แต่ เมตตา เป็นชีวิตประจำวันในบ้านได้ไหม? ยังไม่ต้องออกไปไกล ในบ้านมีใครบ้าง มีคนช่วยเด็กทำงานไหม? มีพี่มีน้องไหม มีสุนัขมีแมวไหม เห็นไหม? รัก หรือเมตตา?

ถ้าไม่ฟังก็มีแต่ความรักใช่ไหม ผูกพัน หวังดีต่อคนที่เรารัก นั่น เมตตา หรือโลภะ?

เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องตรง ต้องเข้าใจ มิเช่นนั้น ไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อ.วิชัย: ครับท่านอาจารย์ ก็เป็นเรื่องละเอียด ซึ่งสมัยแรกของการฟัง คำ ที่ท่านอาจารย์สนทนาครับ แต่ท่านอาจารย์ก็ได้กล่าวถึงการที่จะมีเมตตาเพิ่มขึ้น ก็คือเพิ่มจากบุคคลรอบข้างที่มีความเป็นมิตร แล้วก็ค่อยๆ เจริญขึ้นในบุคคลต่างๆ แต่ว่า ที่สำคัญที่กราบเรียนท่านอาจารย์เมื่อสักครู่นี้ว่า ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา ถึงจะมีการอบรมธรรมที่เป็นธรรมฝ่ายดีงามที่กุศลได้เจริญขึ้นได้ ครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ศัตรูใกล้ของเมตตาคืออะไร?

อ.วิชัย: โลภะครับ

ท่านอาจารย์: ติดกันมากเลย มองไม่ออกเลย เพราะฉะนั้น ความเมตตาอยู่ในบ้าน แล้วออกไปนอกบ้าน เพียงแค่ก้าวเท้าออกจากบ้านไปที่ถนน เมตตาหรือเปล่า? ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปในทุกสถานการณ์ ไม่ใช่อยู่ดีๆ อยากจะมีเยอะๆ มากๆ แต่ไม่รู้จักว่า เมตตาหรือไม่ใช่เมตตา

อ.วิชัย: กราบเท้าท่านอาจารย์อย่างยิ่งครับ

ขอเชิญอ่านได้ที่ ...

ว่าด้วยการแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งปวง [เมตตสูตร]

การแผ่เมตตาในสัตว์ทั้งปวง [เมตตสูตร]

การเจริญเมตตา ... การแผ่เมตตา

ขอเชิญฟังได้ที่ ...

เมตตา คือ อโทสะ หรือ ความไม่โกรธ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 19 พ.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ