ไม่มีใครสามารถพ้นจากเครื่องอยู่

 
เมตตา
วันที่  17 พ.ค. 2568
หมายเลข  49968
อ่าน  358

[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 534

จริงอยู่ ธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่อันประเสริฐ เพราะเป็นความปฏิบัติโดยชอบในสัตว์ทั้งหลาย ก็พรหมทั้งหลายมีจิตปราศจากโทษอยู่ฉันใด พระโยคีทั้งหลายผู้ประกอบด้วยพรหมวิหารเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้เสมอกับพรหมอยู่ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น จึงตรัสเรียกธรรมเหล่านั้นว่าพรหมวิหาร เพราะอรรถว่าประเสริฐและความเป็นธรรมปราศจากโทษ.


อ.วิชัย: เมื่อสักครู่ก็ได้ฟังการสนทนา เรื่องของธรรมที่เป็นเครื่องอยู่ ครับ ก็เป็นเหตุให้ได้พิจารณาว่า ในแต่ละวันในชีวิตประจำวัน ก็จะมีธรรมเกิดขึ้น โดยมากก็อยู่ด้วยความไม่รู้ อยู่ด้วยกับอกุศลโดยประการต่างๆ ที่เกิดร่วมกับพร้อมกับความไม่รู้ด้วยครับ

แต่ก่อนศึกษาพระธรรม ก็เป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง แล้วก็เริ่มเห็นประโยชน์ เห็นคุณของกุศลโดยประการต่างๆ ครับ อย่างเรื่องของพรหมวิหาร ๔ ท่านอาจารย์ครับ ก็จะกราบเรียนสนทนากับท่านอาจารย์เพื่อให้เกิดความเข้าใจครับ ซึ่งก็มีข้อความใน ธรรมสังคณี ในอภิธรรมปิฎก ในอรรถกถา อรรถสาลิณี ครับ ท่านก็แสดงไว้ว่า

จริงอยู่ ธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่อันประเสริฐ เพราะเป็นความปฏิบัติโดยชอบในสัตว์ทั้งหลาย ก็พรหมทั้งหลายมีจิตปราศจากโทษอยู่ฉันใด พระโยคีทั้งหลายผู้ประกอบด้วยพรหมวิหารเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้เสมอกับพรหมอยู่ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น จึงตรัสเรียกธรรมเหล่านั้นว่าพรหมวิหาร เพราะอรรถว่าประเสริฐและความเป็นธรรมปราศจากโทษ ครับ

กราบท่านอาจารย์ครับ อย่าง พรหมวิหาร ๔ ก็แสดงถึง ธรรม ๔ ประการ ก็คือ เมตตา กรุณา มุทิตา แล้วก็อุเบกขา อย่างที่ท่านอาจารย์ได้สนทนาธรรมกับ อ.อรรณพ เมื่อสักครู่ว่า แล้วจะมีธรรมที่ดีงามเกิดขึ้นได้อย่างไร ครับท่านอาจารย์ ก็รู้ว่า ธรรมทั้งหลายก็เกิดโดยความเป็นอนัตตาครับ แต่การที่มีโอกาสได้ศึกษาพระธรรม ก็เริ่มมีความเข้าใจในลักษณะของกุศลที่มีปัจจัยแล้วก็เกิดขึ้น หรือได้ศึกษาก็เป็นปัจจัยให้ได้พิจารณาถึงธรรมที่เกิดขึ้นครับ

ก็กราบเรียนท่านอาจารย์เรื่องของธรรมที่เป็นธรรมที่ประเสริฐ แล้วก็ปราศจากโทษ อย่าง เมตตา ครับ จะมีการเจริญขึ้นของความที่เป็นเมตตาอย่างไรครับท่านอาจารย์ครับ ที่จะเป็นเหตุให้มีปกติที่จะมีกุศลที่เกิดขึ้นครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: พรหมวิหาร เดี๋ยวนี้เป็นพรหมหรือยัง?

อ.วิชัย: ยังครับ

ท่านอาจารย์: เห็นไหม ต้องรู้ว่า แสนไกล ถ้าตราบใดที่ไม่มีความเข้าใจถูกต้อง ไม่มีทางที่จะถึงพรหมวิหาร

เครื่องอยู่ทุกขณะจิต เห็น นี่ก็ต้องมีเครื่องอาศัยกัน และกันให้เกิดขึ้น เป็นอยู่เห็น แล้วก็ดับ

เพราะฉะนั้น เรากำลังพูดถึงคุณธรรมที่สูงที่ประเสริฐ ที่สมควรจะค่อยๆ สะสม จนกระทั่งเป็นปกติ ไม่ใช่ว่านิดหน่อย นานๆ มีครั้งหนึ่ง หรืออะไรนะ นั่นก็คือว่า พระธรรม ทุกคำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประโยชน์สูงสุดตั้งแต่เบื่องต้น จนถึงที่สุด มิเช่นนั้นแล้ว อกุศล ฟังแค่นี้ อกุศล ธรรมที่ไม่ดีมหาศาลแค่ไหน? เมื่อไหร่จะหมดสิ้น ไม่เกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์

ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญจนกระทั่งตรัสรู้ ไม่มีใครสามารถที่จะพ้นจากเครื่องอยู่ คืออกุศลได้

ด้วยเหตุนี้ ฟังทุกอย่าง พรหมวิหาร เรายังไม่ถึงความเป็นพรหม แต่ว่า สามารถประเสริฐขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ในขณะที่มี ความเมตตา ความกรุณา มุทิตา อุเบกขา เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้าไม่รู้จักว่า เมตตาคืออะไร กรุณาคืออะไร มุทิตาคืออะไร อุเบกขาคืออะไร แล้วสิ่งเหล่านี้จะเกิดได้ไหม?

อ.วิชัย: ไม่ได้ครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: เห็นไหม ประมาทไม่ได้เลยไม่ใช่อยู่ดีๆ มาชวนกันอุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตา แต่ไม่รู้ว่า เมตตาคืออะไร

เพราะฉะนั้น ต้องเป็นการฟัง คำ ที่กล่าวถึงเมตตา จนกระทั่งรู้ว่า เมตตาคืออะไร ไม่ใช่เรา ทุกอย่างที่มี ไม่ใช่เราเลย แต่เพราะไม่รู้จึงเป็นเราไปหมด เมตตาไม่ได้เพราะเป็นเขาเป็นเรา แต่ถ้ามีความเข้าใจขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เห็นโทษนี่ ไม่ใช่เห็นโทษของคนอื่น เห็นโทษของความไม่รู้ของตัวเองที่สะสมมาจนเป็นโทษมหาศาล คืออกุศลประจำวันเลย พอเห็นปุ๊บก็ชอบปั๊บ ไม่ว่าจะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หมดทุกอย่าง และไม่รู้จักเลยว่า ต่างกับขณะที่เป็นกุศลที่ดีงามอย่างไร แล้วก็จะไปคิดถึงเมตตา มีเมตตามากๆ อย่างนั้นอย่างนี้ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

เพราะฉะนั้น ปัญญาเท่านั้นที่สามารถจะเห็นโทษของอกุศล แล้วก็รู้หนทางว่า ถ้าตราบใดที่ยังเป็นโอกาสที่อกุศลจะเกิดต่อไปเหมือนเดิม กุศลเกิดไม่ได้ การรู้ธรรมเกิดไม่ได้ การละกิเลสเกิดไม่ได้

เพราะฉะนั้น จึงรู้ว่า อะไรบ้างที่เป็นสิ่งที่จะค่อยๆ เกิดขึ้นเมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ถ้าไม่มีความเข้าใจในธรรมถูกต้อง บารมีแม้เมตตาก็เกิดไม่ได้ เป็นแต่เพียงสะสมมาที่จะสงสารที่จะเมตตา ที่จะกรุณา ที่จะมุทิตา แต่ยังเป็นเรา ไม่ถึงขั้นพรหมวิหารที่อยู่ของพรหมผู้ประเสริฐ ไม่ว่าอะไรจะกระทบ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ขาดการที่จะขณะนั้นสมควรแก่เมตตา มีความเป็นมิตร สมควรแก่กรุณาเมื่อเขากำลังเดือดร้อน สมควรแก่การที่ยินดีในกุศลนะ อย่าลืม!! ไม่ใช่ไม่รู้ว่า เป็นกุศล หรืออกุศล เขาทำอะไรคิดว่าเป็นกุศลไปหมด

เพราะฉะนั้น ขณะนั้นเป็นอกุศลก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น มุทิตาต้องในกุศลที่บริสุทธิ์ที่เป็นกุศลจริงๆ จนกระทั่งเราจะทำอะไรเขาได้ ทั้งเมตตาก็แล้ว ทั้งกรุณาก็แล้ว มุทิตาก็แล้ว เขาก็ยังเป็นศัตรู เขาก็ยังเห็นผิด เขาก็ยังเกิดอกุศล

เพราะฉะนั้น ก็คือว่าสัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้นแต่ละขณะ เพราะฉะนั้น กว่าจะรู้ความเป็นมาเป็นไปของแต่ละอย่าง ไม่ใช่เรามานั่งท่อง แผ่กันไปๆ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร แล้วขณะแผ่นั้นเมตตาหรือเปล่าก็ไม่รู้

เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยปัญญา ที่จะเข้าถึงความไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด มีปัจจัยเกิดขึ้น แล้วดับเลย ทุกอย่างแม้ขณะนี้ซับซ้อนกันจนกระทั่งเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากมายหลายอย่าง แต่ความจริงหาเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ แต่เป็นเพียงสิ่งที่กระทบตา ที่ทำให้เห็น ๑ ขณะ สั้นมาก แล้วก็ทำให้เกิดเสียงกระทบหู ได้ยิน แล้วก็ดับ ชีวิตเป็นอย่างนี้ ไม่ว่าใคร เขาหรือเราเป็นไปตามการสะสมที่ได้สะสมมาแล้ว สมควรที่จะเมตตามีความเป็นมิตรไหม? มีความเป็นเพื่อนไม่ว่าเขาจะทำไม่ดีปานใดก็ตาม การสะสมนั้นไม่สามารถจะทำให้รู้ความจริงได้ จนกว่าจะได้ฟัง คำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้ความจริงในคุณความดีทั้งหลายว่า เมตตา คือความเป็นมิตร พร้อมที่จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบุคคลใดๆ ทั้งหมด ไม่ว่าเขาเป็นใคร

เห็นไหม แม้แต่ เมตตา เรื่องเดียวก็ต้องละเอียดที่จะรู้ว่าคืออะไร แล้วจะเกิดขึ้นได้อย่างไร มิเช่นนั้น ก็ของปลอมหมด เช่นแผ่ไปจนสุดจักรวาล ปลอมไหมล่ะ?

อ.วิชัย: ก็ปลอมครับ เพราะเพียงคิดอย่างนั้นก็ยังไม่ได้เข้าใจในลักษณะของเมตตาครับท่านอาจารย์

ขอเชิญอ่านได้ที่ ...

ธรรมเครื่องอยู่อันประเสริฐ [ธรรมสังคณี]

อัปปมัญญา [ธรรมสังคณี]

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 17 พ.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 20 พ.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลทุกประการค่ะน้องเมตตา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 21 พ.ค. 2568

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ