ปัญญาเป็นธรรมที่รู้แจ้งนิพพาน (อย่าเพิ่งปฏิบัติโดยไม่รู้)

 
nattawan
วันที่  12 พ.ค. 2568
หมายเลข  49913
อ่าน  180

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สุ. สมัยนี้รู้สึกว่าจะเป็นสมัยนิยมของการปฏิบัติธรรม เพราะไม่ว่าจะไป ที่ไหน ก็มีการชักชวนให้ปฏิบัติธรรม แต่การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด ไม่ใช่ว่า ไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย และจะปฏิบัติธรรมได้

ตามความเป็นจริง ขณะนี้ทุกท่านก็กำลังปฏิบัติธรรมขั้นฟังและศึกษาพระธรรม ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจในเหตุในผล และถ้าจะถึงขั้นสูงกว่านี้อีก คือ ปฏิบัติธรรม ที่ชักชวนกันว่าเพื่อจะได้บรรลุมรรคผลนิพพานนั้น ต้องศึกษาให้เข้าใจว่า ปัญญาเป็นธรรมที่รู้แจ้งนิพพาน อวิชชาคือความไม่รู้ไม่สามารถประจักษ์ลักษณะของนิพพานได้ เพราะนิพพานเป็นธาตุ หรือเป็นธรรมชนิดหนึ่งซึ่งมีจริง และเป็นธรรมอย่างเดียวที่ ดับกิเลสได้ ธรรมอื่นทั้งหมดไม่สามารถดับกิเลสได้เลย

รูปที่ปรากฏทางตาในขณะที่เห็น ดับกิเลสไม่ได้ เสียงที่กำลังได้ยินก็ดับกิเลสไม่ได้ กลิ่น รส สัมผัสทั้งหมดดับกิเลสไม่ได้ แต่นิพพานเป็นธาตุชนิดหนึ่งซึ่งไม่เกิด เพราะฉะนั้น เมื่อนิพพานเป็นธาตุที่ไม่เกิด จึงไม่มีโลภะความยินดีไปติดข้อง ไปพอใจในธาตุที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้น

การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้ความเข้าใจอะไรเลย เพียงแต่ถูกชักชวน ให้ปฏิบัติ ก็ปฏิบัติ และพลอยเข้าใจไปว่า ได้รู้แจ้งนิพพาน ซึ่งความจริงในขณะนั้น ยังไม่รู้แม้แต่สิ่งที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นการปฏิบัติธรรมโดยไม่ใช่ปัญญา ขณะนั้นต้องเป็นกิเลสแน่ เพราะว่าอวิชชาทำให้ปฏิบัติข้อปฏิบัติ ที่เป็นมิจฉามรรค

ในพระไตรปิฎกมีทั้งสัมมามรรค หนทางที่ถูก และมิจฉามรรค หนทางที่ผิด มีทั้งสัมมาสมาธิ คือ สมาธิที่ถูก และมิจฉาสมาธิ คือ สมาธิที่ผิด เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งปฏิบัติโดยไม่รู้ เพราะถ้าขณะนั้นไม่มีปัญญาต้องเป็นมิจฉาสมาธิ และต้องเป็นมิจฉามรรคด้วย

แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1718

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 12 พ.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ