ชนพวกไหนตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีลเป็นผู้ไปสวรรค์ ฯ

 
chatchai.k
วันที่  1 ธ.ค. 2565
หมายเลข  45263
อ่าน  219

ขอกล่าวถึง สังยุตตนิกาย สคาถวรรค วนโรปสูตรที่ ๗ ซึ่งเป็นสูตรสั้นๆ แต่รวมกุศลทุกขั้น มีข้อความว่า

เทวดาทูลถามว่า ชนพวกไหนมีบุญ เจริญในกาลทุกเมื่อ ทั้งกลางวันและกลางคืน ชนพวกไหนตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีลเป็นผู้ไปสวรรค์ ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า

ชนเหล่าใดสร้างอาราม ปลูกหมู่ไม้ (ที่ใช้ร่มเงาได้) สร้างสะพาน และชนเหล่าใดให้โรงน้ำเป็นทาน และบ่อน้ำ ทั้งบ้านที่พักอาศัย ชนเหล่านั้นย่อมมีบุญ เจริญในกาลทุกเมื่อ ทั้งกลางวันและกลางคืน ชนเหล่านั้นตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นผู้ไปสวรรค์

ครบทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งปัญญา ใน สารัตถปกาสินี อรรถกถา มีคำอธิบายว่า

คำว่า อารามโรปา หมายถึงผู้ปลูกสร้างสวนไม้ดอก และสวนผลไม้

คำว่า อาราม หมายความถึง สวนไม้ดอกและสวนผลไม้

วนโรปา ได้แก่ ทำการล้อมเขตแดนในป่าธรรมชาติที่เกิดขึ้นเอง แล้วทำเจดีย์ ปลูกต้นโพธิ์ ทำที่จงกรม ทำมณฑป กุฏิ ที่หลีกเร้น และที่พักในเวลากลางวันและกลางคืน

วนะ คือ ป่าธรรมชาติที่เป็นเองโดยไม่ต้องปลูกสร้าง

ผู้ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา ชื่อว่า ผู้ปลูกสร้างป่าเหมือนกัน

ถ้ามีเจตนาที่จะปลูกเพื่อให้บุคคลอื่นได้รับประโยชน์ ในขณะนั้นเป็นกุศลจิต

คำว่า เสตุการกา ผู้สร้างสะพาน หมายถึง ผู้สร้างสะพานขึ้นในที่ไม่สม่ำเสมอกัน และหมายถึงผู้ให้เรือสำหรับข้ามน้ำด้วย

ถ้าพื้นที่ดินไม่เรียบ ไม่สะดวก ท่านก็มีกุศลศรัทธาที่จะทำที่ไม่สม่ำเสมอนั้นให้เสมอ มีกุศลศรัทธาที่จะให้ความสะดวกแก่บุคคลอื่นก็เป็นกุศล

คำว่า ปปํ ได้แก่ ศาลาสำหรับให้น้ำดื่ม

คำว่า อปสฺสยํ ที่อาศัย ได้แก่ เรือนสำหรับอยู่

คำว่า บ่อน้ำ มีสระโบกขรณี เป็นต้น

ข้อว่า บุญย่อมเจริญทุกเมื่อ ความว่า เมื่อตรึก คือ คิดอยู่ด้วยอกุศลวิตกก็ตาม หรือหลับอยู่ก็ตาม บุญไม่เจริญ

ก็เป็นอนุสติ เตือนให้ท่านผู้ฟังระลึกได้ว่า ท่านเจริญบุญกุศลทั้งกลางวันและกลางคืนหรือไม่ ซึ่งขณะใดที่ตรึกหรือคิดด้วยอกุศลวิตก หรือในขณะที่หลับอยู่ บุญไม่เจริญ เป็นเครื่องเตือนให้ท่านได้ระลึกว่า ใจของท่านตรึกหรือคิดไปในเรื่องของกุศลมาก หรือในเรื่องของอกุศลมาก

ข้อความในอรรถกถาต่อไปมีว่า

ท่านกล่าวว่า บุญย่อมเจริญทุกเมื่อ หมายความว่า เมื่อใดเขาระลึกได้ เมื่อนั้นบุญย่อมเจริญ

ระลึกได้ คือ สติ ระลึกเป็นไปในทาน ระลึกเป็นไปในศีล ระลึกเป็นไปในความสงบของจิต ระลึกเป็นไปในกาย เวทนา จิต ธรรม คือ สติปัฏฐาน เพื่อให้ปัญญารู้สภาพนั้นถูกต้องตามความเป็นจริง

ที่ท่านกล่าวว่า บุญย่อมเจริญทุกเมื่อ จำกัดเวลาให้บุญเจริญไหม จำกัดว่าขณะนี้ไม่ได้ ขณะนั้นไม่ได้

การเจริญสติปัฏฐาน ก็เช่นเดียวกับการที่สติจะระลึกเป็นไปในทาน ในศีล ในความสงบของจิต คือ ขณะใดที่ระลึกได้ ถ้าระลึกเป็นไปในกาย ในเวทนา ในจิต ในธรรม เมื่อนั้นบุญย่อมเจริญ ตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีล และเพราะตั้งอยู่ในธรรมนั้น สมบูรณ์ด้วยศีลนั้น ผู้ทำบุญทั้งหลายดังที่กล่าวมานี้ กุศลธรรมทั้ง ๑๐ ประการ ย่อมบริบูรณ์


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 211


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ