มูลนิธิพระธรรม ประเทศอินเดีย จัดพิธีต้อนรับ อ.สุจินต์ และคณะ อย่างเป็นทางการ สุดยิ่งใหญ่

เมื่อช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา มูลนิธิพระธรรม (Dhamma Foundtion) ประเทศอินเดีย ได้จัดพิธีต้อนรับ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา และ ผู้อุปถัมภ์ (Patron) มูลนิธิพระธรรม ประเทศอินเดีย และคณะ จากประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ณ บริเวณที่ดินที่จะทำการก่อสร้างอาคารสำนักงานมูลนิธิฯ เมืองลัคเนา ประเทศอินเดีย อย่างยิ่งใหญ่ และสุดประทับใจ

จากการที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะ จำนวนทั้งสิ้น ๗๓ ท่าน ได้มีกำหนดการเดินทางจากประเทศไทย มายังเมืองลัคเนา เมืองหลวงของรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ในช่วงของวันที่ ๒๒ - ๒๕ พฤษภาคม นี้ เพื่อการประดิษฐานพระธรรม ณ แดนพุทธภูมิ ตามรายละเอียดของข่าว ที่ได้นำเสนอไปก่อนล่วงหน้านี้แล้วนั้น

เมื่อช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังจากการสนทนาธรรม ไทย-ฮินดี ณ แดนพุทธภูมิ การสนทนาธรรมครั้งประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งของของพระพุทธศาสนา ที่ได้ปรากฏขึ้นและสำเร็จลงแล้วอย่างงดงาม ด้วยบารมีของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อันเป็นนิมิตหมายของความสำเร็จในการประดิษฐานพระธรรม ณ แดนพุทธภูมิ สมตามมหากุศลเจตนา และความตั้งใจมั่น ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ที่จะอัญเชิญพระธรรม กลับคืนมาประดิษฐาน ณ แดนพุทธภูมิ

ตามกำหนดการของทางมูลนิธิพระธรรม ประเทศอินเดีย หลังการจัดเลี้ยงอาหารแก่ชาวอินเดียผู้เข้าร่วมรับฟังการสนทนาธรรม ไทย-ฮินดี ครั้งประวัติศาสตร์ แล้ว จะมีการสนทนาธรรม ไทย-ฮินดี ต่อในภาคบ่าย เวลา ๑๔.๐๐ น.-๑๖.๐๐ น. และหลังจากนั้น จะนำคณะเดินทางไปยังสถานที่ที่จะทำการก่อสร้างอาคารสำนักงานของมูลนิธิพระธรรม ซึ่งทางมูลนิธิพระธรรม ได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อการต้อนรับท่านอาจารย์สุจินต์ และคณะ อย่างเป็นทางการ ในเวลาประมาณ ๑๖.๓๐ น. (เนื่องจากที่อินเดียในขณะนี้ มีสภาพอากาศที่ร้อนมาก ถึงกว่า ๔๐ องศาเซลเซียส ในเวลากลางวัน)

แต่เนื่องจากว่า เมื่อใกล้จบการสนทนาธรรมในช่วงเช้า ได้เกิดมีพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก คุณอาคิล (Akhil Sindhu) ได้แจ้งว่า กำหนดการที่จะมีพิธีต้อนรับ ณ บริเวณที่ดิน ที่จะเป็นที่ตั้งของสำนักงานมูลนิธิฯ ดังกล่าว อาจไม่สามารถทำได้ เนื่องจากพายุฝนที่เกิดขึ้น ได้พัดพาเต๊นท์ที่กางไว้ ตลอดจนเวที และ สิ่งของต่างๆ ที่จัดเตรียมไว้ พังเสียหายทั้งหมด ไม่สามารถใช้การได้ (ตามภาพที่แนบ) แต่แม้กระนั้น ผู้คนชาวอินเดีย ซึ่งมีทั้งจากในท้องที่หมู่บ้านใกล้เคียง และที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ รวมถึงสหายธรรมชาวอินเดีย ที่เดินทางมาจากเมืองพาราณสี ก็ยังคงปักหลัก เพื่อรอที่จะพบและต้อนรับท่านอาจารย์ อย่างมีความหวัง

เมื่อท่านพลตรี ดร.วีระ พลวัฒน์ กรรมการและเลขานุการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ทราบเรื่องดังกล่าวจากคุณอาคิล ท่านจึงกราบเรียนท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถึงกำหนดการดังกล่าวว่า ว่าควรต้องถูกยกเลิกไปก่อนในวันนี้ ด้วยความกังวลว่า แม้ฝนจะเริ่มตกเพียงประปรายแล้วก็ตาม แต่อาจเป็นการไม่สะดวกสำหรับท่านและคณะ ด้วยพื้นที่ดังกล่าวยังชุ่มไปด้วยน้ำ และไม่พร้อมที่จะต้อนรับท่านอาจารย์และคณะในวันนี้ ซึ่งข้าพเจ้าได้รับแจ้งจากท่านพลตรีวีระว่า ให้เตรียมตัวเดินทางไปกับท่านและคุณอาคิล เพื่อไปบันทึกภาพและสำรวจสถานที่ก่อน โดยท่านอาจารย์และคณะ จะยังไม่เดินทางไปในวันนี้ แต่ในที่สุด เมื่อท่านพลตรี ดร.วีระ และคุณอาคิล ได้ไปกราบเรียนท่านอาจารย์ที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง ท่านอาจารย์ได้แจ้งว่า ท่านจะเดินทางไปด้วย กับผู้ติดตามอีกจำนวน ๗ ท่าน ซึ่งทุกคนในคณะ เมื่อทราบว่าท่านอาจารย์จะเดินทางไป ต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันมาก และต้องการเดินทางไปด้วย ยกเลิกแผนการที่จะไปเที่ยวสถานที่สำคัญและซื้อของฝากในห้างสรรพสินค้าใหญ่ในลัคเนาทันที รีบกุลีกุจอบอกต่อๆ กัน และเตรียมตัวอย่างรวดเร็ว เพียงพักเดียว ทุกคนก็พร้อมสำหรับการเดินทาง

ข้าพเจ้าได้ทราบกับตาตนเองในภายหลังเมื่อได้เดินทางไปถึงสถานที่ๆ จัดพิธีต้อนรับว่า คุณอาคิล ได้สั่งการให้มีการจัดเตรียมสถานที่ที่จะจัดพิธีต้อนรับขึ้นใหม่อย่างเร่งด่วน เหมือนดั่งเนรมิตขึ้นได้ ในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะไม่สวยสดงดงามสมความตั้งใจเดิมของคณะท่านผู้จัด เพราะมีเวลาที่จำกัดมากๆ แต่กลับงดงาม และสุดที่จะยิ่งใหญ่ ในจิตใจของทุกๆ ท่าน ที่มีโอกาสได้ร่วมในพิธี ซึ่งเป็น ณ กาลครั้งหนึ่ง ของประวัติศาสตร์ ในครั้งนี้ ที่ได้เกิดปรากฏมีขึ้น และจะไม่เกิดมีซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ในสังสารวัฏ

มีปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนหนทางของการก่อตั้งมูลนิธิพระธรรม ณ ประเทศอินเดีย และได้คลี่คลายลงอย่างน่าอัศจรรย์ แม้ในวันนี้ ที่มีกำหนดการว่าจะเดินทางไปยังสถานที่ ที่จะก่อสร้างอาคารมูลนิธิพระธรรม แต่ก่อนที่จะถึงเวลาเดินทาง กลับมีพายุฝนเกิดขึ้นอย่างหนัก ดังกล่าวแล้ว แต่เมื่อถึงเวลา การที่คิดว่าจะเป็นปัญหาใหญ่มากมายนั้น กลับคลี่คลายลงอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่เพียงเท่านั้น การเดินทางไปยังสถานที่นั้นราวบ่ายสองโมง ที่ปรกติอากาศช่วงนั้นจะร้อนมากที่สุด กลับกลายเป็นความชุ่มเย็นไปอย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา มักเป็นเช่นนี้เสมอๆ เมื่อมีเวลาและโอกาสคงได้เล่าให้ทุกท่านที่สนใจได้ทราบ เพื่อบันทึกไว้เป็นประวัติ ในคราวต่อไป

อนึ่ง ด้วยเวลาของการนำเสนอข่าวมีจำกัดมาก แต่อยากรายงานให้ทุกๆ ท่าน ทางประเทศไทยได้ทราบข่าวที่น่าประทับใจยิ่งนี้โดยเร็ว จึงขอนำเสนอภาพหลายภาพ ในหลากหลายมุมมอง ซึ่งขอนำลงบันทึกไว้เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ของชาวพุทธ ในยุควิกฤตของพระพุทธศาสนานี้ อันอาจนำมาซึ่งความปีติ ซาบซึ้งใจ สำหรับทุกๆ ท่าน ที่เห็นประโยชน์ของการศึกษาและเข้าใจพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และได้ทรงมีพระมหากรุณาทรงแสดงไว้ ให้พวกเราได้เข้าใจด้วย อันจะเป็นการดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนา ซึ่งก็คือคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง พระองค์นั้น ให้เจริญรุ่งเรืองมั่นคง สืบไป นานที่สุด เท่าที่จะนานได้ เพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่สะสมมาแต่ปางก่อน จะมีโอกาสได้ยินได้ฟัง

ทั้งนี้ ข้าพเจ้ามีความประทับใจอย่างยิ่งในคำปรารภของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เมตตากล่าวเสมอๆ แก่ข้าพเจ้าว่า ทำทุกสิ่งทุกอย่างทันที เมื่อมีสิ่งดีๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ไม่ห่วงตัวเอง (เพราะหามีไม่ มีเพียงดีและชั่ว คือ กุศลธรรมและอกุศลธรรมเท่านั้น ที่เกิดขึ้นและดับไปในทุกๆ ขณะนี้ ยำ้ว่า ทุกๆ ขณะนี้ ถ้าไม่เป็นกุศล ย่อมเป็นอกุศล นั่นเอง) ซึ่งที่ผ่านมา ท่านได้แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ถึงภาวะนี้ ตลอดมา และยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้จิตใจข้าพเจ้า เริ่มฮึกเหิมมากขึ้นเรื่อยๆ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ แม้เพียงแค่เศษเสี้ยวของท่านที่ได้มีโอกาสได้สะสมไปในสังสารวัฏ ก็ไม่เสียชาติที่ได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบกับท่านในชาตินี้แล้วครับ

หลังจากพิธีการและการสนทนาธรรม ไทย-ฮินดี ครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ณ สถานที่ที่จะทำการก่อสร้างอาคารสำนักงานมูลนิธิพระธรรม ประเทศอินเดีย จบลง ได้มีคณะวิศวกรข้าราชการชาวอินเดีย ผู้สนใจที่จะศึกษาพระธรรม ได้เข้าพบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพื่อแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์และมูลนิธิพระธรรม ทั้งได้ขอโอกาสเพื่อขอสนทนาธรรมกับท่าน ซึ่งท่านได้เมตตาให้พบและสนทนาธรรมด้วย ณ ห้องสนทนาธรรมใหญ่ภายในโรงแรมที่พักในตอนค่ำ

จากนั้น ท่านอาจารย์และคณะ ได้เดินทางกลับยังโรงแรมที่พัก เพื่อรับประทานอาหารค่ำ และเตรียมตัวเพื่อการสนทนาธรรม ก้บ คณะข้าราชการวิศกร ต่อไป โดยก่อนเดินทางกลับ ท่านอาจารย์ได้เดินไปชมสถานที่ที่จะก่อสร้างอาคารมูลนิธิพระธรรมอีกครั้งหนึ่ง

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 322

พระปัจฉิมวาจา

[๑๔๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด. นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต.

- การเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ สู่แดนพุทธภูมิ ๒๒-๒๕ พ.ค. ๒๕๖๕ นำโดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
- ชาวอินเดีย จัดพิธีต้อนรับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ยิ่งใหญ่ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ เมืองลัคเนา
- คุณ Ashaji Sindhu ประธานมูลนิธิพระธรรม ประเทศอินเดีย เข้าพบและมอบของที่ระลึกแด่ อ.สุจินต์
- การประดิษฐานพระธรรม ณ แดนพุทธภูมิ โดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เริ่มขึ้นแล้ว! ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕

- อ.สุจินต์ มอบพระบรมสารีริกธาตุ และพระรัตนบุษยภาชน์ (จำลอง) สูงค่ายิ่ง แก่ มูลนิธิพระธรรม ประเทศอินเดีย

- หนังสือพิมพ์ ๑๒ ฉบับ ทั่วอินเดีย เสนอข่าว อาจารย์สุจินต์ กับภารกิจครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ชาวพุทธ

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ เมืองลัคเนา รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ซาบซึ้งในหทัย : ถ้อยคำจากใจ คุณอาช่า สินธุ ประธานมูลนิธิพระธรรม ประเทศอินเดีย