ยังแผ่เมตตาไม่ได้ แต่มีเมตตาได้
ผู้ที่จะแผ่เมตตา ผู้นั้นต้องได้ฌานจิตระดับอัปปนาสมาธิ จึงจะสามารถแผ่ไปทั่วทุก ทิศได้ เราสามารถอบรมเจริญมตตาได้ ไม่ใช่เฉพาะเวลาโกรธเท่านั้น ผู้ที่จะเจริญ เมตตาต้องรู้จักลักษณะของเมตตาจริงๆ เมื่อเมตตาใครจะไม่โกรธคนนั้น แต่รักใคร่ ผูกพันเป็นโลภะ ไม่ใช่เมตตา บุคคลที่เราควรเจริญเมตตาก่อนคือ ผู้ที่มีให้ธรรมะ เราและผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรมและมีคุณบุญกับเรา เป็นต้น
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ก็ได้แต่ท่อง เห็นหน้าเพื่อนที่ร่วมแถว ก็แกล้งกัน ไม่ชอบกันครับ ดังนั้นต้องเริ่มจากการอบรมเมตตาในชีวิตประจำวัน ทีละเล็กละน้อย จนมีกำลัง จึงจะแผ่ได้ เริ่มจากคนในบ้าน หรือคนที่เราเคารพก่อน เรามีเมตตาหรือยัง ถ้ายังก็แผ่ไม่ได้ ก็ท่องกันไปครับดังนั้น ควรสอนเด็กให้มีความเข้าใจว่า ไม่ควรโกรธกัน ควรมีเมตตากันเพราะอะไรเพราะเราก็รักสุข คนอื่นก็เช่นกัน ก็ไม่ควรเบียดเบียนกัน ควรมีเมตตากัน ดังนั้น ไม่ใช่ให้ท่อง แต่สอนให้เข้าใจ ครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
การเจริญเมตตา ไม่ใช่การท่อง เราจะรู้จักตัวเองว่ามีเมตตาจริงๆ หรือเปล่า เวลาที่ เราเจอคนมากมายในสถานที่ต่างๆ เรารู้สึกอย่างไร มีความรู้สึกเป็นมิตรในขณะนั้น หรือไม่ ถ้าเรามีเมตตา ก็เป็นการให้ความสุข ความไม่มีภัยกับคนอื่น ประโยชน์ของ เมตตา คือ ที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ฯลฯ ถ้าเราไม่ได้ เจริญเมตตา จะเอาเมตตาที่ไหนไปแผ่ เป็นเพียงแต่พูดตามๆ กัน สรุปคือ ไม่ได้รับ ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย