ถ้าปราศจากบารมีก็ไม่สามารถที่จะถึงฝั่ง [สนทนาธรรมกับชาวต่างชาติ]
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺสฺส ฯ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
บารมีที่จะเจริญขึ้นได้ต้องมีความเข้าใจถูก เห็นถูกในชีวิตประจำวัน แต่ว่าเป็นผู้ที่ประพฤติตามคำสอนหรือไม่ ต้องเป็นบารมีที่อบรมแล้วจนเต็มทุกบารมี หากขาดบารมีใดบารมีหนึ่งก็ไม่สามารถที่จะถึงฝั่ง (คือ พระนิพพาน การดับกิเลส) ได้ ซึ่งบารมีที่ควรอบรมเจริญนั้น ได้แก่
-ทานบารมี เมื่อไรก็ตามที่มีโอกาสที่การให้ การเกื้อกูลบุคคลอื่นได้เกิดขึ้น ก็ควรที่จะให้ เพื่อเป็นการละคลายความเห็นแก่ตัว
-ศีลบารมี (กุศลธรรมที่เป็นไปทางกาย ทางวาจา) อบรมเจริญขึ้นได้โดย"ไม่ใช่เราที่จะไม่ทำอกุศล" ควรที่จะเข้าใจว่าศีลนั้นรวมไปถึงการสำรวมในสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ด้วย
-เนกขัมมะบารมี (การสละออกจากกาม) คือ การสละออกจากความเป็นเราที่ยึดติดในสิ่งที่น่าปรารถนา น่าพอใจทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ควรที่จะเข้าใจว่ากุศลธรรมทั้งหมด คือเนกขัมมะ (เพราะกุศลธรรมทั้งหมดเป็นธรรมที่สละออกจากอกุศล เพราะขณะที่กุศลเกิดอกุศลไม่เกิด)
-ปัญญาบารมี ซึ่งประกอบไปด้วยปัญญาแต่ละขั้น ได้แก่ ความเข้าใจจากการฟัง การทบทวนพิจารณา และการรู้ตรงตามความเป็นจริง
-วิริยะบารมี คือความพากเพียรในกุศลธรรม ซึ่งจะไม่ทำให้กุศลธรรมนั้นเสื่อมลง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
-ขันติบารมี คือความอดทน โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทุกข์ยาก หรือเมื่อมีบุคคลที่ไม่เห็นด้วย ก็สามารถพิจารณาเหตุการณ์นั้น เสมือนเครื่องทดลองให้เกิดการเจริญขึ้นของขันติบารมี
-สัจจบารมี เพื่อที่จะพิจารณาความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงอกุศลที่มีมากในตนด้วย สัจจบารมี คือ การน้อมไปสู่ความจริง เป็นหนทางที่จะนำไปสู่การดับกิเลส
-อธิษฐานบารมี (ความตั้งใจมั่น) ที่บารมีทั้งหมดจะเจริญขึ้นได้ต้องมีอธิษฐานบารมี จึงจะสามารถรู้แจ้งความจริงได้
-เมตตาบารมี (ความเป็นมิตร) เป็นผู้ที่คิดถึงความสุขของบุคคลอื่น และยึดถือความสำคัญของตัวเองน้อยลง
-อุเบกขาบารมี (ความเป็นกลางในโลกธรรม มีการได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ได้คำสรรเสริญ คำกล่าวร้าย สุข ทุกข์ เป็นต้น) เพื่อที่เมื่อเผชิญกับโลกธรรมโดยไม่หวั่นไหว
สติปัฏฐาน (สติที่เกิดขึ้นระลึกความจริงที่กำลังปรากฏ) สามารถที่จะเจริญขึ้นพร้อมกับบารมีทั้งหมด ซึ่งเป็นไปเพื่อละความเป็นเราว่า "เป็นเราที่อบรมบารมี" บารมีทั้งหมดเกื้อหนุนให้ความเข้าใจถูกเกิดขึ้น ซึ่งถึงที่สุดคือทำกิจดับสังขารธรรมทั้งหมด (ความจริงที่มีปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิด)
เป็นพระมหากรุณาคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ผู้ที่ศึกษาสามารถที่จะอบรมเจริญความเห็นถูกได้จากความจริงที่มีในชีวิตประจำวัน สามารถที่จะระลึกศึกษาความจริงที่มีได้ แม้ขณะที่กำลังทำงานที่ทำงาน ทำงานที่บ้าน กำลังสนทนา กำลังนิ่ง กำลังหัวเราะ หรือร้องไห้ ทุกขณะที่กำลังมี สามารถที่จะรู้ได้ตามความเป็นจริง การเข้าใจความจริงแม้เพียงขณะเดียวก็เป็นประโยชน์ เพราะจะเป็นปัจจัยปรุงแต่งให้กุศลธรรม และความเข้าใจถูกเกิดขึ้นได้อีก ถ้ากุศลเกิดขึ้นในขณะนี้ ก็เป็นพระคุณของการเข้าใจคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง
ข้อความนี้ถูกแปลจาก ..
ชีวิตประจำวัน สามารถที่จะระลึกศึกษาความจริงที่มีได้ แม้ขณะที่กำลังทำงานที่ทำงาน ทำงานที่บ้าน กำลังสนทนา กำลังนิ่ง กำลังหัวเราะ หรือร้องไห้ ทุกขณะที่กำลังมี สามารถที่จะรู้ได้ตามความเป็นจริง การเข้าใจความจริงแม้เพียงขณะเดียวก็เป็นประโยชน์ เพราะจะเป็นปัจจัยปรุงแต่งให้กุศลธรรม และความเข้าใจถูกเกิดขึ้นได้อีก ถ้ากุศลเกิดขึ้นในขณะนี้ ก็เป็นพระคุณของการเข้าใจคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง
...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ...