หนึ่งเดียวเท่านั้น...คุณรัชนีวรรณ บุญชู

 
kanchana.c
วันที่  9 ก.ค. 2561
หมายเลข  29894
อ่าน  3,126

หนึ่งเดียวเท่านั้น
คุณรัชนีวรรณ บุญชู

วันนี้วันที่ 8 กรกฎาคม 2561 เป็นวันครบรอบ 7 วันที่คุณรัชนีวรรณ บุญชูเสียชีวิต คุณประสาร สามี และพี่น้องของคุณประสารมาทำบุญที่มูลนิธิด้วยการฟังธรรมอุทิศส่วนกุศลให้คุณเจี๊ยบ ทั้งคุณประสารและคุณรัชนีวรรณเป็นคหบดีเมืองสมุทรสงครามที่เพียบพร้อมด้วยโภคทรัพย์และอริยทรัพย์ ท่านทั้งสองฟังธรรมมานานและเข้าใจธรรมด้วย จึงปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมที่เข้าใจแล้วด้วยการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สงบเสงี่ยม และอ่อนน้อมถ่อมตน

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 61 มีการสนทนาธรรมที่กนกรัตน์รีสอร์ท ซึ่งไม่ได้ไปร่วมด้วย ทราบข่าวจาก line ว่า คุณรัชนีวรรณ บุญชู จุติจากความเป็นบุคคลนี้แล้ว รู้สึกตกใจและไม่เชื่อ คิดว่าตัวเองเข้าใจผิด จึงต้องตรวจสอบข่าว ทราบว่าคุณเจี๊ยบเสียชีวิตขณะถามปัญหาธรรม ไมโครโฟนหล่นจากมือ และร่างก็ร่วงลงที่พื้น ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย แต่ไม่ทราบว่า จุติจิตเกิดในขณะไหน คงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ทำบุญมาดีขนาดนี้ หลายคนอยากเป็นอย่างคุณเจี๊ยบ คือ ได้ฟังธรรมเข้าใจเพิ่มขึ้นก่อนจุติจิตเกิด โดยไม่ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย สุขภาพดีๆ เป็นปกติ ไม่มีอะไรบอกเหตุว่าจะสิ้นชีวิตในวันนั้นเลย
แสดงให้เห็นความเป็นอนัตตาของธรรมทั้งหลาย ไม่เว้นเลย จิตทั้งหลายเป็นอนัตตา จุติจิตของคุณเจี๊ยบเกิดในเวลาและสถานที่ที่ไม่มีใครคาดคิด จิตเห็น จิตได้ยินของผู้อยู่ในห้องเดียวกันก็ไม่เหมือนกันเลย บางคนได้ยินเสียงเหมือนระเบิด บางคนเห็นคุณเจี๊ยบขณะร่วงจากเก้าอี้ หลายคนไม่เห็นเลย เพราะมองไปทางอื่น หรือคิดเรื่องอื่น แต่ละคนก็แต่ละหนึ่ง ที่เหมือนกันก็คือทั้งเห็น ทั้งได้ยิน ทั้งคิดนึกล้วนเกิดแล้วดับไป ไม่กลับมาอีกเลย เหมือนคุณเจี๊ยบที่จุติแล้วปฏิสนธิเป็นคนใหม่ทันที ไม่กลับมาสู่มาความเป็นคุณเจี๊ยบได้อีกเลย

ครอบครัวคุณเจี๊ยบล้วนแต่ได้ฟังและเข้าใจธรรม เมื่อวานนี้ได้อ่านข้อความที่ลูกชายได้เขียนข้อความลงใน line แสดงถึงความเข้าใจธรรมอย่างดีว่า...

เช้าเห็นกัน เย็นอาจไม่เห็นกัน...

คุณแม่ของผมได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันเมื่อเวลาประมาณบ่ายสามโมงเศษของวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 ในขณะที่สนทนาธรรมกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากรจากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.) ที่ กนกรัตน์ รีสอร์ท อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีหลายท่านที่รู้จักกับคุณแม่ได้แสดงความไว้อาลัย และสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการจากไปของคุณแม่ในหลายประเด็น ผมขอสรุปบางประเด็นเท่าที่จะสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาเขียนได้ในขณะนี้ดังนี้ครับ

(1) คุณแม่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน โดยไม่มีอาการเกี่ยวกับการเป็นโรคหัวใจใดๆ มาก่อน คุณแม่จัดว่าเป็นคนที่แข็งแรงมาก น้อยครั้งที่จะเจ็บไข้ได้ป่วย ตรวจสุขภาพและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เข้ารับการผ่าตัดก็ฟื้นกลับมาทำงานได้ในเวลาอันรวดเร็ว การจากไปในระหว่างการสนทนาธรรม หลังจากการสนทนาธรรมะแล้วหมดสติล้มลงไป หลังจากที่ได้ถามปัญหาธรรมะเสร็จ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่มีสัญญาณบอกเหตุใดๆ เช้าเห็นกัน บ่ายหรือเย็นก็อาจจะไม่เห็นกันแล้วก็เป็นไปได้ เป็นสภาพธรรมะที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลยจริงๆ
(2) คุณแม่ได้ทำพินัยกรรมบริจาคร่างกายให้กับภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2560 และได้สั่งกำชับว่าหลังจากคุณแม่ได้เสียชีวิตแล้วให้ดำเนินการต่างๆ ดังต่อไปนี้
2.1 ให้โทรแจ้งคณะแพทย์ศิริราช ให้มานำร่างของคุณแม่ไปเป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับนักศึกษาแพทย์ ถ้าหากเกิดเหตุอันใดที่ทำให้ไม่สามารถนำร่างกายที่บริจาคไปใช้ประโยชน์ได้ ให้ติดต่อทางวัดเพื่อทำการเผาศพทันที ไม่ให้จัดพิธีกรรมทางศาสนาใดๆ หากมีการเผาศพกับวัด ให้สอบถามกับทางวัดมีว่ามีความขาดแคลนสิ่งใด แล้วให้ทำบุญบริจาคสิ่งที่ขาดแคลนเหล่านั้น โดยมิให้เป็นเงินกับทางวัดโดยเด็ดขาด
2.2 ไม่ให้นำกระดูกใดๆ กลับมาเก็บไว้ที่บ้านหรือที่อื่นใด ให้ทางคณะแพทย์ศิริราชจัดการไปตามกระบวนการปกติ ในกรณีที่ต้องเผาศพที่วัดให้นำกระดูกไปลอยอังคารให้หมดโดยเร็วที่สุด ถ้าหากระลึกถึงกันเมื่อใด ก็ให้ไปทำบุญบริจาคสิ่งของให้กับผู้ที่ขัดสนและสมควรได้รับประโยชน์
2.3 ให้นำเงินในบัญชีที่คุณแม่เปิดไว้ต่างหากทั้งหมดไปซื้อสิ่งของที่จำเป็นให้กับผู้รับบริจาคที่มีความขัดสนตามที่ต่างๆ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียนตามถิ่นธุรกันดาร ฯลฯ จนกว่าเงินในบัญชีจะหมด
(3) ประเด็นธรรมะที่คุณแม่ได้สอบถามท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ละคณะวิทยากรก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ คือเรื่องขันธ์ 5 (รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์)
(4) ในวันที่คุณแม่จากไป ผมได้พูดคุยกับคุณแม่ในช่วงเช้ามืดประมาณตีห้าครึ่งที่ห้องนอนคุณแม่ก่อนเดินทางเข้าไปสอบวิทยานิพนธ์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่บางเขน ตอนเข้าไปทักทายคุณแม่ คุณแม่กำลังบริหารร่างกาย ยืดเส้นยืดสาย และยังกำชับว่าให้ขับรถดีๆ ไม่ต้องขับซิ่งมาก หลังจากสอบวิทยานิพนธ์เสร็จในช่วงเช้า ผมกลับคอนโดไปนั่งทำงานพักหนึ่ง ก่อนที่จะเตรียมตัวขับรถกลับไปที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อีกครั้งเพื่อสอบวิทยานิพนธ์ในช่วงเย็นต่อต่อ ก่อนที่จะได้รับโทรศัพท์จากน้องสาวโดยมีคุณอาเป็นคนพูดสาย บอกให้รีบกลับบ้านเพราะคุณแม่ล้มไป ผมรีบตีรถกลับบ้านขึ้นทางด่วนออกจากกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 4 โมงเย็นและถึงโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ทันเวลาได้กราบลาร่างของคุณแม่ก่อนที่จะต้องนำร่างไปรักษาอุณหภูมิก่อนที่ทางศิริราชจะมารับร่างไปเป็นอาจารย์ใหญ่ในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น
(5) คุณแม่จากไปด้วยอาการสงบ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ภาพสุดท้ายก่อนที่คุณแม่จะล้มไปเป็นภาพขณะที่คุณแม่ถามปัญหาธรรม นับว่าเป็นบุญของคุณแม่มากที่มีโอกาสได้ใช้ช่วงเวลาขณะสุดท้ายของชีวิต อยู่กับท่านอาจารย์สุจินต์ ที่คุณแม่ให้ความเคารพอย่างสูงในการศึกษาธรรมะ อาจารย์สุจินต์ คณะวิทยากร และสหายธรรมของคุณแม่ได้อยู่ส่งคุณแม่จนถึงจิตขณะสุดท้ายในชาตินี้ (จุติจิต) ก่อนที่จิตขณะแรกของชาติต่อไป (ปฏิสนธิจิต) จะเกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างไม่มีอะไรมากแทรกคั่น การจากไปของคุณแม่เป็นการจากไปแบบไม่เจ็บไม่ปวดในช่วงเวลาที่ถ้าคิดว่าเป็นปาฏิหาริย์ก็เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดจากกุศลธรรมที่คุณแม่ได้สั่งสมไว้
(6) สุดท้ายนี้ผมเชื่อว่าบุญกุศลที่คุณแม่ได้สั่งสมมาจะพาคุณแม่ไปสู่สุคติภูมิ ในภพภูมิที่คุณแม่จะได้สร้างกุศลอย่างที่คุณแม่ได้กระทำไว้ในชาตินี้ และมีโอกาสที่จะได้เข้าใจธรรมะ เพื่อเป็นไปในการละคลายอกุศล ความติดข้องต้องการต่างๆ จนกว่าจะพ้นจากการเวียนว่ายในสังสารวัฏ
(7) ดีใจที่ได้เป็นลูกของแม่ในชาตินี้
(8) ผมขออนุญาตปิดท้ายโพสต์นี้ด้วยข้อความบางส่วนจากพระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 7 สังยุตตนิกาย สคาถวรรค อัยยิกาสูตรที่ 2 ดังมีข้อความดังนี้

“สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงต้องตาย เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด สัตว์ทั้งหลายจักไปตามกรรม เข้าถึงผลแห่งบุญและบาป คือผู้มีกรรมเป็นบาป จักไปสู่นรก ส่วนผู้มีกรรมเป็นบุญ จักไปสู่สุคติ ฯ เพราะฉะนั้น พึงทำกรรมงามอันจะนำไปสู่สัมปรายภพ สั่งสมไว้ บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก ฯ”

ป.ล. ขออนุญาตแชร์โพสต์จากมูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เขียนถึงคุณแม่ไว้ต่อท้ายโพสต์นี้ครับ

ขออนุโมทนาที่เข้าใจธรรมค่ะ เมื่อต้องสูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รักก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา เพราะยังมีเหตุปัจจัยคือความติดข้อง ความรัก ความผูกพันอยู่ แต่ก็รู้ว่าเป็นสภาพความรู้สึกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรา เกิดแล้วก็ดับไป และเมื่อได้ฟังว่า ตายแล้วก็เกิดเป็นบุคคลใหม่แล้ว ไม่มีบุคคลนั้นแล้ว เป็นเช่นนี้เหมือนกันทุกคน เหมือนกับทุกขณะที่ผ่านไป ไม่กลับมาอีก จะเสียใจกับขณะไหนที่ผ่านไปดี เมื่อไม่รู้จะเสียใจกับขณะไหนที่ดับหมดไปแล้ว ถ้าเทียบความเป็นบุคคลต่างๆ ในสังสารวัฏที่ยาวไกลก็เหมือนแต่ละขณะที่ผ่านไป หมดไป ไม่รู้จะเสียใจกับความเป็นบุคคลไหนดี

และเมื่อคุณแอ๊ว ฟองจันทร์ วอลช (นันตา) พาคุณประสารและคณะเข้าไปกราบท่านอาจารย์สุจินต์ในตอนสายของวันนี้ ได้อัดเสียงที่ท่านอาจารย์คุยกับคุณประสารไว้ ขอคัดลอกมาบางส่วนว่า

... ทุกอย่างเป็นธรรมจริงๆ ที่มีปัจจัยเกิด เราเปลี่ยนแต่ละหนึ่งคนที่นี่ไม่ได้เลย สะสมมาอย่างไร คิดอย่างไรก็เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง

...ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยนเพียง แต่ช้าหรือเร็ว ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งเดียวในสังสารวัฏ เป็นอย่างนี้ตลอดเรื่อยมา ไม่มีวันจบสิ้น จะต้องเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เป็นของธรรมดา จนกว่าไม่ใช่เรา เป็นธรรมทั้งหมดที่เป็นอย่างนี้มานานแสนนาน แต่พอเป็นเราก็เป็นแต่ละชาติ แต่ละคน แต่ละเรื่อง ก็จบเป็นเรื่องๆ แต่สำหรับคุณเจี๊ยบ ทุกคนอนุโมทนามากที่ทำกุศลที่ใครๆ ก็อยากจะเป็นอย่างนั้น แต่เป็นไม่ได้ แล้วแต่กรรมของใครทำมา เราทุกคนก็อยากได้ฟังธรรมแล้วก็สิ้นชีวิต กำลังพูด กำลังสนใจ กำลังเข้าใจ และเข้าใจมาตั้งแต่เช้า เหมือนกับคุณต่ายที่จะจัดงานในวันเกิด 17 สิงหา และคุณเจี๊ยบไม่เลื่อน เหมือนกับวันนี้เพื่อตัวเองที่จะเป็นอย่างนั้น แล้วแต่เหตุปัจจัยจริงๆ ไม่มีการสิ้นสุดในสังสารวัฏเลย จิตต่อกันสนิท จิตไม่มีช่องว่างเลย เรามีอายุกันมาหลายแสนโกฏิกัปป์แล้ว แต่แบ่งเป็นช่วงๆ จะยาว จะสั้น แต่อยู่กันมานานแล้ว และจะอยู่ต่อไปอีกนานถ้าไม่ได้เข้าใจธรรม ไม่มีอะไรไปหยุดเหตุปัจจัยที่สะสมมานานมาก คือ ความไม่รู้ แต่พอค่อยๆ มีความรู้ ก็ค่อยๆ ละว่า ประโยชน์อะไรกับการที่เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบถ้าไม่เข้าใจ หยุดไม่ได้เลย พอเข้าใจแล้วไม่ใช่จะจบทันที จนกระทั่งปัญญาดับกิเลสหมดไม่เหลือ รู้ว่าไม่ใช่เรา ไฟจะไหม้ น้ำจะท่วม ดินจะแข็ง ก็เหมือนจิตคือเกิดดับ ไปยึดถือเองว่าเป็นเรา เหมือนทุกอย่าง ห้ามไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ ไม่ให้แข็งเกิดก็ไม่ได้ ไม่ให้จิตเกิดก็ไม่ได้ ไม่ให้หวานเกิดก็ไม่ได้ ไม่ให้จำเกิดก็ไม่ได้ ทุกอย่างหมดไม่เว้นเลย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ซึ่งถ้าไม่ทรงตรัสรู้ เราก็อยู่ในความมืดต่อไป ไม่มีความรู้เลย ไปตกใจว่า คุณเจี๊ยบจากไป หารู้ไม่ว่า ไปแล้ว เกิดแล้วทันที เหมือนจากโลกก่อนนี้มา เราก็มาอยู่ตรงนี้ จะอยู่อีกนานเท่าไรแต่ละวันๆ เมื่อวานนี้หมดไปเลย วันนี้ก็หมดพอถึงพรุ่งนี้ ไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ นอกจากไม่ให้เรารู้เท่านั้น เกิดดับไปตามเรื่อง ปิดสนิทจนกว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าค่อยๆ เปิดให้เห็นความจริง...

...มีบุญที่ทำไว้แต่ปางก่อนมากที่ทำให้ฟังธรรม เห็นคุณ และเข้าใจขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ทอดทิ้ง เพราะว่าหาอีกไม่ได้ที่จะได้ยินคำอย่างนี้ ถ้าพระพุทธศาสนาอันตรธานจะไม่มีใครพูดคำเหล่านี้เลย ไม่มีใครพูดคำว่า “ธรรม” สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ สภาพรู้ก็กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ ได้ยินก็รู้เดี๋ยวนี้แหละ คือรู้เสียง คิดนึกก็รู้เดี๋ยวนี้แหละ คือรู้เรื่อง ไม่เคยหยุดรู้ และสิ่งที่เกิดแล้วดับ ไม่กลับมาอีก ไปหาที่ไหนก็ไม่พบ มีแต่สิ่งที่สะสมอยู่ในจิต แล้วแต่จะสะสมอะไรมากน้อยแค่ไหน อย่างความโกรธเกิดขึ้น ความเสียใจเกิดขึ้น ใครไปทำ มาจากไหน ถ้าไม่มีจิตจะมีไหม ไปหาดูซิว่า เขาจะเสียใจไหม แต่เสียใจสะสมอยู่ในจิต มีปัจจัยก็เกิด เหมือนไฟมีปัจจัย เอาไม้ขีดมาจุดไฟก็ลุก เพราะฉะนั้น ทุกอย่างมีอยู่แล้ว พอมีอะไรมากระทบก็เกิดแล้วก็หมด น้ำตาหยดนี้ไม่ใช่น้ำตาหยดเก่า เห็นเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เห็นเก่า คุณเจี๊ยบสิ้นชีวิตไปหลายวันมาแล้ว วันนี้ครบ 7 วัน ได้ฟังที่ลูกชายเขียน เขาเข้าใจดีและมีพระสูตรด้วย บัญชีของคุณแม่ทั้งหมดให้คนยากจน คนที่จำเป็น สะสมมาที่จะสละ การกระทำที่สละเล็กๆ น้อยๆ แค่ไหน คือ สละความเป็นเรา ความเป็นเราเหนียวมาก แน่นมาก เพื่อเราทุกอย่าง แต่ที่สามารถสละได้ คือเริ่มมีอัธยาศัยที่จะละความเป็นเรา ซึ่งไม่มี แต่ไปจำเอาไว้ว่ามี จำผิดมาตลอด ...

พี่น้องคุณประสารบอกว่า ไม่ได้ไปฟังธรรมในวันที่ 2 แต่คิดจะไปฟังวันที่ 3 ท่านอาจารย์บอกว่า คิดไปเถอะ อะไรจะเกิดก็เกิด เหมือนอย่างที่คิดหรือเปล่า ถ้าเหมือนเราก็คิดว่าเพราะเราคิด แต่ความจริงไม่ใช่ คิดตอนหนึ่ง เกิดขึ้นเป็นอีกตอนหนึ่ง

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าคุณเจี๊ยบอยู่ที่ไหน ก็อนุโมทนากับพวกเราที่ฟังธรรมกันต่อไป ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 9 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
papon
วันที่ 9 ก.ค. 2561

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ปลากริม
วันที่ 9 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาภาพและเรื่องราวที่รวดเร็วครับ

กราบอนุโมทนาในกุศลทุกประการของผู้จัดทำครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
abhirak
วันที่ 9 ก.ค. 2561

ได้อ่านและพิจารณาบทความสนทนาธรรมนี้แล้ว และได้ทราบว่าบรรดาทุกท่านที่แวดล้อมคุณรัชนีวรรณมีความเข้าใจในธรรมะที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอยู่เป็นอย่างดี ก็ทำให้เกิดปีติ โสมนัสจิตขึ้น จึงใคร่ขอร่วมอุทิศส่วนกุศลจากการอ่านและพิจารณาในครั้งนี้แด่คุณรัชนีวรรณด้วยครับ หากคุณรัชนีวรรณทราบด้วยญาณวิถีใด ก็ขอจงมีจิตโสมนัสยินดีและอนุโมทนาในกุศลจิตในส่วนนี้ของผมด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
panasda
วันที่ 9 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Nataya
วันที่ 9 ก.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Moey_vateekarn
วันที่ 9 ก.ค. 2561

กราบอนุโมทนา สาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
thilda
วันที่ 9 ก.ค. 2561

สาธุ ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 9 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Centella
วันที่ 9 ก.ค. 2561

อนุโมทนาทุกความดีงามที่เกิดปรากฏแล้วหมดไปเป็น"ธรรมดา"

ที่ไม่มีใครบังคับบัญชาได้เลย

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
rrebs10576
วันที่ 9 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
siraya
วันที่ 10 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 10 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Napong klakhaeng
วันที่ 10 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
แสวงรวยสูงเนิน
วันที่ 10 ก.ค. 2561

ขออนุโมทนาในความดีทั้งปวง ที่ได้กระทำไว้ดีแล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
กมลพร
วันที่ 10 ก.ค. 2561

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
koongk
วันที่ 10 ก.ค. 2561

ขอกราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
Lastseason
วันที่ 11 ก.ค. 2561

ขออนุโมทนาคับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
j.jim
วันที่ 12 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
chvj
วันที่ 13 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
Somporn.H
วันที่ 13 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
pulit
วันที่ 21 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
Suwaree_Pongsiri
วันที่ 21 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
lovedhamma
วันที่ 10 ต.ค. 2561

ขออนุโมทนาในกุศลทุกประการที่คุณรัชนีวรรณ บุญชู (ป้าเจี๊ยบ) ได้กระทำไว้ดีแล้วในชาตินี้

ขออุทิศกุศลทุกประการที่ได้บำเพ็ญไว้ดีแล้วในชาตินี้ แด่คุณป้ารัชนีวรรณ บุญชู และขอจงมีจิตโสมนัสยินดี อนุโมทนาในกุศลนั้น ด้วยเทอญ

ขอขอบคุณคุณวันชัยที่บันทึกเรื่องราวให้ทราบครับ พินัยกรรมที่คุณป้าเจี๊ยบได้ทำไว้เป็นสิ่งที่เอื้อเฟื้อพระธรรมวินัยมาก...ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
orawan.c
วันที่ 11 ต.ค. 2561

ขออนุโมทนาในกุศลของคุณเจี๊ยบ

และขออุทิศส่วนกุศลแด่คุณเจี๊ยบค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
Witt
วันที่ 17 ก.พ. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ