ภัพพสูตร ... วันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๗

 
มศพ.
วันที่  20 เม.ย. 2557
หมายเลข  24739
อ่าน  1,484

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

ในวันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๗ คือ


ภัพพสูตร

...จาก...

[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ หน้า ๘๑๓

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร

[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๘๑๓

๒. ภัพพสูตร * (ว่าด้วยผู้ควรและไม่ควรเข้าถึงธรรม) [๓๕๗] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรมทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน? คือ เป็นผู้ประกอบด้วยความเป็นผู้มีกรรมเป็นเครื่องกั้น ๑ ประกอบด้วยความเป็นผู้มีกิเลสเป็นเครื่องกั้น ๑ ประกอบด้วยความเป็นผู้มีวิบากเป็นเครื่องกั้น ๑ เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ๑ ไม่มีฉันทะ ๑ และมีปัญญาทราม ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรมทั้งหลาย. ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรมทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน? คือ ย่อมเป็นผู้ไม่ประกอบด้วยความเป็นผู้มีกรรมเป็นเครื่องกั้น ๑ ไม่ประกอบด้วยความเป็นผู้มีกิเลสเป็นเครื่องกั้น ๑ ไม่ประกอบด้วยความเป็นผู้มีวิบากเป็นเครื่องกั้น ๑ เป็นผู้มีศรัทธา ๑ มีฉันทะ ๑ และมีปัญญา ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลายบุคคลประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรมทั้งหลาย.

จบภัพพสูตรที่ ๒

อรรถกถาภัพพสูตรที่ ๒ พึงทราบวินิจฉัยในภัพพสูตรที่ ๒ ดังต่อไปนี้:- บทว่า กมฺมาวรณตาย ได้แก่ ด้วยอนันตริยกรรม ทั้ง ๕. บทว่า กิเลสาวรณตาย ได้แก่ ด้วยนิยตมิจฉาทิฏฐิ. บทว่า วิปากาวิวรณตาย ความว่า ด้วยอกุสลวิบากปฏิสนธิ หรือ ด้วยกุศลวิบากอเหตุกปฏิสนธิ.

จบอรรถกถาภัพพสูตรที่ ๒.

หมายเหตุ ภัพพะ แปลว่า ผู้ควร, ผู้สมควร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 20 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

ภัพพสูตร

(ว่าด้วยผู้ควรและไม่ควรเข้าถึงธรรม) พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงถึง บุคคลผู้ไม่ควร กับ ผู้ควร หยั่งลงสู่ความแน่นอน และความเป็นชอบ (ถูกต้อง) ในกุศลธรรมทั้งหลาย ดังนี้ คือ ผู้ที่มีกรรมเป็นเครื่องกั้น (กระทำอนันตริยกรรม มี ฆ่าบิดา เป็นต้น) ผู้ที่มีกิเลสเป็นเครื่องกัน (มีความเห็นผิดที่ดิ่ง) มีวิบากเป็นเครื่องกั้น (ปฏิสนธิด้วยอกุศลวิบาก เป็นสัตว์ในอบายภูมิ หรือ บุคคลผู้เกิดในสุคติภูมิแต่ปฏิสนธิด้วยกุศลวิบากที่ไม่ประกอบด้วยเหตุ คือ เป็นคนพิการบ้าใบ้บอดหนวกตั้งแต่กำเนิด) ไม่มีศรัทธา ไม่มีฉันทะ ไม่มีปัญญา ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อหยั่งลงสู่ความแน่นอน และความเป็นชอบ (ถูกต้อง) ในกุศลธรรมทั้งหลาย ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ไมมีกรรมเป็นเครื่องกั้น ไม่มีกิเลสเป็นเครื่องกั้นไม่มีวิบากเป็นเครื่องกั้น มีศรัทธา มีฉันทะ และมีปัญญา ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อหยั่งลงสู่ความแน่นอน และความเป็นชอบ (ถูกต้อง) ในกุศลธรรมทั้งหลาย.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

ธรรมเป็นเครื่องกั้นมิให้บรรลุธรรม

อนันตริยกรรม

มิจฉาทิฏฐิมีโทษมาก

ทำอย่างไรจะทำให้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นคะ ความเข้าใจพระธรรมเป็นสาระสำคัญที่สุดในชีวิต

การสะสมปัญญา...ทำไมต้องนาน...แสนนาน

กว่าจะถึงวันนั้น ก็ต้องมีวันนี้

ฉันทะและตัณหา

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 20 เม.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 22 เม.ย. 2557

เรียน ความคิดเห็นที่ ๓ ครับ

ตอนนี้ได้แก้ไขใหม่แล้ว ครับ

ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยที่ไม่ได้ตรวจทานให้เรียบร้อยก่อน

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณใหญ่ราชบุรีด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 24 เม.ย. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 27 เม.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ