สารธรรมจากการสนทนาพระสูตร เสาร์ที่ 19 เมษายน 2557

 
Guest
วันที่  19 เม.ย. 2557
หมายเลข  24736
อ่าน  2,440

- ไม่คำนึงว่าใครเป็นมารในอดีต แต่คำพูดใดที่ไม่ตรงกับความจริง เป็นคำพูดของมารหรือ เปล่า เพราะ ขัดขวางความจริงที่ไม่ตรงตามธรรมที่มีจริงและ ไม่ตรงกับพระธรรมที่ พระพุทธเจ้าทรงแสดง

- เมื่อมีโอกสได้ฟังพระธรรม ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นที่คิดเอง แม้แต่คำว่าสัตว์ ถ้าไม่มีสภาพ ธรรม จะมีคน มีสัตว์หรือไม่ ไม่ใช่เฉพาะสัตว์บุคคลเท่านั้น แม้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่มี เพราะ ไม่มีสภาพธรรม แต่เพราะ มีสภาพธรรม จึงสมมติว่าเป็นสัตว์ บุคคล และ ยึดถือว่ามีเรา มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ค่ะ

- เมื่อเห็นผิดแล้ว จะเห็นคุณ เห็นประโยชน์ได้อย่างไร

- การชำระจิตที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่การไปทำอย่างอื่น การฟังพระธรรม ค่อยๆ เข้าใจธรรม ก็คือ การชำระจิตให้บริสุทธิ์ทีละน้อยแล้ว

- การชำระจิต หากไม่รู้จักจิต ก็คิดว่าดีแล้ว แต่ ผู้ที่เข้าใจธรรม จะต้องรู้จักจิตตามความเป็น จริงว่าเป็นธรรม ซึ่งสอดคล้องกับพระสูตรที่ว่า เพราะ ไม่รู้ จึงสำคัญว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิงใด ค่ะ

- สะสมมาที่จะดี ก็ดี สะสมมาที่ไม่ดี ก็ไม่ดี แต่ดีเท่าไหร่ก็ไม่พอ นอกเสียจากอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรมต่อไป

- กำลังที่นี่ กำลังระดับไหน ไม่ให้มีโลภะ โทสะ โมหะเลย เป็นไปได้ไหม แต่ ต้องเป็นกำลัง ของการเข้าใจธรรม และ กำลังที่ถูก คือ เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ซึ่งสิ่งที่สะสม มาไม่ได้หายไปไหนเลย นางวิสาขา ก็เป็นนางวิสาขา ท่านติดข้องในเครื่องประดับมาก มี โลภะมาก แล้วจะเปลี่ยนให้ท่านเป็นอย่างอื่นได้ไหม เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่า จะละ กิเลส จะเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น แต่ ที่สำคัญ เริ่มต้นจากการเข้าใจว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่ เรา ค่ะ

- ถ้ายังยึดว่ามีสัตว์ บุคคลที่ไม่ดี และ ดี ก็ไม่มีทางชำระจิตได้ เพราะ สำคัญผิดว่ามีเรา มีสัตว์ บุคคล ค่ะ

- มียาไหมคะ กำลังเจ็บหนัก แล้วมียาไม่บริโภค ควรไหม พระธรรมเปรียบเหมือนยา ค่ะ

- การเข้าใจว่า ไม่ให้เกิดโลภะ ไม่ให้ติดข้อง ไม่ให้เกิดกิเลส เป็นคำสอนของพระธรรมที่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงหรือเปล่า เพราะ บางคนพยายามมาก พยายามไม่ให้มีโลภะ ไม่ให้ มีกิเลสเกิด ไม่ใส่รองเท้าสวย ไม่ให้ทานอาหารอร่อย ไม่ให้ชอบสิ่งต่างๆ เป็นคำสอนของ พระพุทธเจ้าได้ไหม เพราะ เป็นตัวตนที่จะบังคับ ลืมว่าเป็นธรรมและเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจจริงๆ ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่ใคร เป็นแต่ละหนึ่ง และก็ดับไปไม่เหลือด้วย หนทางที่ถูก จึงไม่ใช่ผิดปกติ ที่จะละ จะทำ แต่ ปกติด้วยเข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

- จะแก้ทุกข์ ด้วยตัวเราที่จะไม่ให้ทุกข์ไม่ได้ แต่ ค่อยๆ เข้าใจความจริงของทุกข์ได้ว่าเป็น ธรรม เป็นหนทางละกิเลส ละทุกข์ที่แท้จริง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
j.jim
วันที่ 19 เม.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 19 เม.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 19 เม.ย. 2557

" ... การเข้าใจว่า ไม่ให้เกิดโลภะ ไม่ให้ติดข้อง ไม่ให้เกิดกิเลส

เป็นคำสอนของพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงหรือเปล่า?

เพราะ บางคนพยายามมาก พยายามไม่ให้มีโลภะ ไม่ให้มีกิเลสเกิด ไม่ใส่รองเท้าสวย ไม่ให้ทานอาหารอร่อย ไม่ให้ชอบสิ่งต่างๆ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ไหม? เพราะ เป็นตัวตนที่จะบังคับ ลืมว่าเป็นธรรมและเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจจริงๆ ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่ใคร เป็นแต่ละหนึ่ง และก็ดับไปไม่เหลือด้วย หนทางที่ถูก จึงไม่ใช่ผิดปกติ ที่จะละ จะทำ แต่ "ปกติ" ด้วยเข้าใจว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ... "

ขอบพระคุณสำหรับความธรรมสั้นๆ ที่รวดเร็ว พร้อมภาพประกอบ เป็นประโยชน์มากครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 19 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
one_someone
วันที่ 21 เม.ย. 2557

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pat_jesty
วันที่ 21 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nattawan
วันที่ 21 เม.ย. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 22 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 23 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pamali
วันที่ 23 เม.ย. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ม.ค. 2568

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ