ทัฏฐัพพสูตร และ ปุนกูฏสูตร ... วันเสาร์ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๕

 
มศพ.
วันที่  9 ธ.ค. 2555
หมายเลข  22148
อ่าน  1,645

  

  

 

นโม  ตสฺส  ภควโต  อรหโต  สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ  สรณํ   คจฺฉามิธมฺมํ   สรณํ   คจฺฉามิสงฺฆํ  สรณํ    คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
  ... สนทนาธรรมที่ ... 
   

 


       

 

   มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา   (มศพ.)

 

      พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ 

 

             วันเสาร์ที่   ๑๕  ธันวาคม    ๒๕๕๕    เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น.   คือ        

                                             

ทัฏฐัพพสูตร

และ

ปุนกูฏสูตร

 

จาก... 

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๒๒,๒๔

 

        (ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๒๖  พ.ค. ๒๕๕๕)  

                                                 

  ...นำสนทนาโดย...

    ท่านอาจารย์สุจินต์  บริหารวนเขตต์ 

          และ  คณะวิทยากรมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา 

  

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๒๒

๕. ทัฏฐัพพสูตร

(ว่าด้วยการที่จะพึงเห็นกำลัง ๕)

          [๑๕]   ดูกร ภิกษุทั้งหลาย  กำลัง ๕ ประการนี้  ๕   ประการ  เป็นไฉน?

คือ  กำลัง  คือ   ศรัทธา  ๑     กำลัง  คือ    วิริยะ  ๑        กำลัง  คือ  สติ  ๑

กำลัง  คือ  สมาธิ   ๑   กำลัง  คือ  ปัญญา  ๑     ดูกร ภิกษุทั้งหลาย      ก็พึง

เห็นกำลัง  คือ  ศรัทธาในที่ไหน  พึงเห็นในโสตาปัตติยังคะ  [องค์เป็นเครื่อง

ให้บรรลุความเป็นพระโสดา]  ๔   พึงเห็นกำลัง  คือ   ศรัทธาในที่นี้,    พึงเห็น

กำลัง  คือ  วิริยะในที่ไหน      พึงเห็นในสัมมัปปธาน  ๔   พึงเห็นกำลัง   คือ

วิริยะในที่นี้,    พึงเห็นกำลัง  คือ  สติในที่ไหน    พึงเห็นในสติปัฏฐาน ๔  พึง-

เห็นกำลัง คือ สติในที่นี้,   พึงเห็นกำลัง  คือ สมาธิในที่ไหน พึงเห็นในฌาน  ๔

พึงเห็นกำลัง  คือ  สมาธิในที่นี้,   พึงเห็นกำลัง คือ  ปัญญาในที่ไหน   พึงเห็น

ในอริยสัจจ์  ๔  พึงเห็นกำลัง  คือ  ปัญญาในที่นี้    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย     กำลัง

๕  ประการนี้แล. 

จบทัฏฐัพพสูตรที่  ๕

 

อรรถกถาทัฏฐัพพสูตร

          พึงทราบวินิจฉัยในทัฏฐัพพสูตรที่  ๕  ดังต่อไปนี้ :-

          พระผู้มีพระภาคเจ้า   เพื่อจะตรัสโลกุตรธรรมในที่มิใช่วิสัย    จึงตรัส

คำมีอาทิว่า   ดูกร ภิกษุทั้งหลาย       พึงเห็นสัทธาพละในธรรมไหน    ดังนี้.

เหมือนอย่างว่า  เมื่อสหายมีพระราชาเป็นที่  ๕ คือบุตรเศรษฐี  ๔ คน พระราชา

ลงเดินถนนด้วยคิดว่า    เราจักเล่นนักษัตร    ในเวลาไปเรือนของบุตรเศรษฐี

คนที่หนึ่ง  อีก ๔ คนก็นั่งเฉย   เจ้าของเรือนกล่าวว่า   พวกท่านจงให้ของเคี้ยว 

ของบริโภค  ของหอม  ดอกไม้และเครื่องประดับเป็นต้น    แก่ท่านเหล่านี้  ดังนี้

แล้วตรวจตราในเรือน.    ในเวลาไปเรือนของบุตรเศรษฐี  คนที่ ๒   คนที่  ๓

คนที่ ๔   อีก ๔ คนก็นั่งเฉย    เจ้าของเรือนกล่าวว่า   พวกท่านจงให้ของเคี้ยว

ของบริโภค    ของหอม    ดอกไม้และเครื่องประดับแก่ท่านเหล่านี้    ดังนี้แล้ว

ตรวจตราในเรือน.  ครั้นต่อมา  ในเวลาไปราชมณเฑียรของพระราชาทีหลังเขา

ทั้งหมด  พระราชาแม้จะทรงเป็นใหญ่ในชนทั้งหมดก็จริง   ถึงดังนั้นในเวลานี้

ยังตรัสว่า   พวกท่านจงให้ของเคี้ยว  ของบริโภค  ของหอม   ดอกไม้และเครื่อง

ประดับเป็นต้นแก่ท่านเหล่านี้  ดังนี้  แล้วทรงตรวจตราในพระราชมณเฑียรของ

พระองค์  ฉันใด    เมื่อพละมีศรัทธาเป็นที่  ๕        แม้เกิดขึ้นในอารมณ์เดียวกัน

ก็เหมือนเมื่อสหายเหล่านั้นลงเดินถนนพร้อมกัน    สหายอีกสี่คนนั่งเฉยในเรือน

ของคนที่หนึ่ง    สหายที่เป็นเจ้าของเรือนย่อมตรวจตรา  ฉันใด    สัทธาพละมี

ลักษณะน้อมใจเชื่อ  เพราะบรรลุโสดาปัตติยังคะ จึงเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า  พละ

ที่เหลือก็คล้อยตามสัทธาพละนั้น     ฉันนั้น    ในเรือนของบุตรเศรษฐีคนที่สอง

สหายอีกสี่คนก็นั่งเฉย  สหายเจ้าของเรือนตรวจตรา ฉันใด  วิริยพละมีลักษณะ

ประคองไว้ เพราะถึงสัมมัปปธาน พละที่เหลือก็คล้อยตามวิริยพละนั้น   ฉันนั้น

ในเรือนของบุตรเศรษฐีคนที่สาม   สหายอีกสี่คนก็นั่งเฉย   สหายเจ้าของเรือน

ตรวจตรา ฉันใด  สติพละมีลักษณะเขาไปตั้งไว้ เพราะถึงสติปัฏฐานจึงเป็นใหญ่

เป็นหัวหน้า  พละที่เหลือก็คล้อยตามสติพละนั้น    ฉันนั้น    ในเรือนของบุตร-

เศรษฐีคนที่สี่  สหายอีกสี่คนก็นั่งเฉย  สหายเจ้าของเรือนย่อมตรวจตรา   ฉันใด

สมาธิพละมีลักษณะไม่ฟุ้งซ่าน  เพราะถึงฌานวิโมกข์  พละที่เหลือก็คล้อยตาม

สมาธิพละนั้น    ฉันนั้น.   แต่ในเวลาไปพระราชมณเฑียรของพระราชาภายหลัง

เขาทั้งหมด    สหายอีกสี่คนก็นั่งเฉย    พระราชาพระองค์เดียวทรงตรวจตราใน

พระราชมณเฑียร  ฉันใด    ปัญญาพละมีลักษณะรู้ทั่ว     เพราะบรรลุอริยสัจจ์ ๔

จึงเป็นใหญ่    เป็นหัวหน้า   พละที่เหลือก็คล้อยตามปัญญาพละนั้น    ฉันนั้น

ท่านกล่าวพละ ๕  ในสูตรนี้เจือกันอย่างนี้    ด้วยประการฉะนี้.

จบอรรถกถาทัฏฐัพพสูตรที่  ๕

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓  หน้า ๒๔

๖. ปุนกูฏสูตร

(ว่าด้วยกำลังที่เป็นยอด)

           [๑๖]   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   กำลัง ๕ ประการนี้  ๕ ประการเป็นไฉน?

คือ   กำลัง  คือ  ศรัทธา  ๑  กำลัง  คือ  วิริยะ  ๑       กำลัง  คือ       สติ  ๑

กำลัง  คือ   สมาธิ  ๑  กำลัง  คือ ปัญญา  ๑     ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  กำลัง

๕  ประการนี้แล   บรรดากำลัง  ๕ ประการนี้แล   กำลัง  คือ  ปัญญา   เป็นเลิศ

เป็นยอด    เป็นที่รวบรวม   เหมือนสิ่งที่เป็นเลิศ   เป็นยอด   เป็นที่รวบรวม

แห่งเรือนยอด   คือ  ยอด  ฉันใด  บรรดากำลัง   ๕  ประการนี้  กำลัง     คือ

ปัญฺาเป็นเลิศ  เป็นยอด  เป็นที่รวบรวม   ฉันนั้นเหมือนกันแล.

จบปุนกูฏสูตรที่  ๖.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 9 ธ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

ทัฏฐัพพสูตร

(ว่าด้วยการที่จะพึงเห็นกำลัง ๕)

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพละ (กำลัง) ๕ ประการ ได้แก่ กำลังคือศรัทธา

กำลังคือวิริยะ กำลังคือสติ กำลังคือสมาธิ และกำลังคือปัญญา พร้อมทั้งทรงแสดง

ว่า พึงเห็นกำลังคือศรัทธา ในโสตาปัตติยังคะ ๔ พึงเห็นกำลังคือวิริยะใน

สัมมัปปธาน ๔ พึงเห็นกำลังคือสติ ในสติปัฏฐาน ๔ พึงเห็นกำลังคือสมาธิใน

ฌาน ๔ พึงเห็นกำลังคือปัญญาในอริยสัจจ์ ๔

ข้อความโดยสรุป

ปุนกูฏสตร

(ว่าด้วยกำลังที่เป็นยอด)

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพละ (กำลัง) ๕ ประการ ได้แก่ กำลังคือศรัทธา

กำลังคือวิริยะ กำลังคือสติ กำลังคือสมาธิ และกำลังคือปัญญา พร้อมทั้งทรงแสดงว่า

ในบรรดากำลังทั้ง ๕ นั้น กำลังคือ ปัญญา เป็นเลิศ.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

พละ ๕

อินทรีย์ 5 กับ พละ 5

เหตุใดพระโสดาบันไม่ล่วงศีล 5 เลยตลอดชีวิต

สติปัฏฐาน ๔

สัมมัปปธาน

ถามเรื่อง สมาธิ ฌาน เอกัคคตาจิต

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 9 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
j.jim
วันที่ 12 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 12 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
priyakamol
วันที่ 12 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผิน
วันที่ 12 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 12 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pamali
วันที่ 14 ธ.ค. 2555
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สิริพรรณ
วันที่ 24 ส.ค. 2559

กราบนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบอนุโมทนา ขอบพระคุณค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ