เนื้อนาบุญ

 
chaweewanksyt
วันที่  30 เม.ย. 2555
หมายเลข  21051
อ่าน  18,544

เนื้อนาบุญ คำนี้หมายความว่าอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เนื้อนาบุญ ท่านเปรียบกับ บุคคลที่เมื่อทำกุศล กับบุคคลนั้นที่มีคุณธรรมมาก ก็เป็น เนื้อนาบุญของผู้ที่ทำกุศล ครับ เปรียบเหมือน การปลูกข้าว ย่อมมีเมล็ดพืช คนปลูก และต้องมีผืนดิน ที่นา สำหรับปลูกข้าวด้วย แม้ว่ามีเมล็ดข้าวที่ดี แต่ นาที่ปลูกเป็นดินทราย ดินเค็มจัด มีวัชพืชเยอะ ข้าวที่ปลูกในนานั้น ก็ไม่งอกงามเท่าที่ควร หรือ ไม่งอกงามเลย นี่เพราะ พื้นนาไม่ดี แต่ เมื่อมีเมล็ดพันธ์ข้าว หว่านลงในนาที่ดี แม้จะหว่านไม่มาก แต่ผลที่ได้กลับมาก เพราะ พื้นนา อุดมสมบูรณ์ ผลก็ย่อมมาก แม้หว่าน แต่น้อย เพราะเป็นนาที่ดีนั่นเอง ครับ ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบการทำกุศล มีการให้ เป็นต้น ก็ต้องมีผู้ให้ เปรียบเหมือน คนปลูกข้าว มีการให้ด้วยศรัทธา เปรียบเหมือน เมล็ดพืช และมีผู้รับ เปรียบเหมือน พื้นนา ซึ่งหากผู้รับเป็นผู้มีคุณธรรม มีพระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกทั้งหลาย ชื่อว่า เป็นนาที่ดี เป็นผู้รับที่ดี เป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นนาที่ประเสริฐ เพราะ ทำให้ ผู้ให้ ให้แม้เพียงเล็กน้อย (หว่านข้าวเพียงเล็กน้อย) ในนาที่ดี เป็นเนื้อนาบุญที่ดี ผล ย่อมมีมากมายมหาศาล จึงชื่อว่า เป็นเนื้อนาบุญที่ดีนั่นเอง ครับ หรือแม้ บิดา มารดา ก็เป็นเนื้อนาบุญของบุตร เพราะ ท่านเป็นผู้มีพระคุณมาก เป็น ผู้มีอุปการะต่อบุตรมาก เมื่อทำบุญกับท่าน ผลก็ย่อมมากด้วย มารดา บิดา จึงเป็นเนื้อนาบุญของบุตร ครับ

พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และ พระอริยสาวก เป็นเนื้อนาบุญที่ดี เพราะ ไม่มีโทษในนา ที่เป็นวัชพืช คือ กิเลสประการต่างๆ ผู้ให้ย่อมหว่านพืช คือ ให้ด้วยศรัทธา ในเนื้อนาบุญที่ดี ผลของบุญ หรือ ต้นข้าวย่อมมีมาก ครับ

สรุปได้ว่า เนื้อนาบุญ หมายถึง ผู้ที่สมควรรับ ควรเจริญกุศลด้วย และทำให้เกิดผลบุญมากเพราะ มีคุณธรรมมาก และมีพระคุณต่อผู้นั้นมาก นั่นเองครับ มีพระพุทธเจ้า พระอริยสาวก รวมทั้งมารดา บิดาที่มีพระคุณมากกับบุตร ครับ

[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒๒ - หน้าที่ 130

สงฆ์ทั้งหลายก็ดี คณะทั้งหลายก็ดี มีประมาณเท่าใด สงฆ์สาวกของตถาคต ปราชญ์กล่าวว่าเป็นยอดแห่งสงฆ์แห่งคณะทั้งปวงนั้น สงฆ์สาวก ของตถาคตคือใคร คือคู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี่สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ควรของคำนับ ผู้ควรของต้อนรับ ผู้ควรของทำบุญผู้ควรทำอัญชลี ผู้เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า สัตว์เหล่าใดเลื่อมใสในพระสงฆ์ สัตว์เหล่านั้นจึงชื่อว่าเลื่อมใสในวัตถุอันเลิศ เมื่อเลื่อมใสในวัตถุอันเลิศ ก็ย่อมได้ผลอันเลิศ.

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chaweewanksyt
วันที่ 1 พ.ค. 2555

ขอบพระคุณค่ะ ...

ในปัจจุบันนี้ดิฉันมองเห็นแค่ ผู้ที่สมควรรับ ... คือบิดา มารดา และผู้มีพระคุณเพียงเท่านั้นเองค่ะ

กราบอนุโมทนาค่ะ

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chaweewanksyt
วันที่ 1 พ.ค. 2555

จริง จริงแล้ว ถ้าเป็นผู้สมควรรับอื่นๆ เช่นคนขอทานและพระที่เดินมาขอตามบ้าน ... แล้วเราก็ให้อย่างนี้ถือว่า เป็นนาบุญที่ไม่ค่อยดี ... จิตเราตกมากกว่า เพราะเราเกิดคิดตามภายหลังเป็นอกุศลทั้งนั้น แล้วก็. เวลาคิดถึงทานนี้ ก็ไม่ได้ปลื้มใจเลย ... แต่ถ้าคิดว่าเป็นการลดตระหนี่ของตนแล้วก็คิดได้ ... ต้องนึกถึงบุคลครั้งพุทธกาล. ที่ถวายผ้าที่ตนเองมีฝืนเดียว ... (ชอบชาดกนี้มาก) ที่ ... พูดว่า ชิตังเม ชิตังเม ...

ขอเชิญทุกท่านร่วมสนทนา

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 1 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอริยบุคคลทั้งหลาย ทุกระดับขั้น เป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้เจริญด้วยปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น กิเลสที่ดับได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ พระอริยบุคคลเป็นผู้ที่ควรแก่การเคารพสักการะบูชา เป็นเนื้อนาบุญที่ดี ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งไปกว่า เป็นเหตุทำให้ทานที่ผู้มีจิตศรัทธาถวาย มีผลมาก

ในชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นผู้มีปกติเห็นโทษของอกุศล และเห็นคุณของกุศล ย่อมจะเป็นเหตุให้กุศลธรรมเจริญยิ่งขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของกุศลประเภทใดก็ตาม ทั้งทาน ศีล และ การอบรมเจริญปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ โอกาสแห่งการฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก พร้อมทั้งยังเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลให้กุศลธรรมประการต่างๆ เจริญขึ้นด้วย ทั้งหมดนั้น เป็นไปเพื่อขัดเกลามลทิน คือ กิเลสของตนเอง อย่างแท้จริง

การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ยังอีกยาวไกลมาก กุศลธรรมเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย จนกว่าจะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้ในที่สุด ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 1 พ.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 3 ครับ

โดยมาก จิตมักไหลไปกับอกุศล ความดีทุกประการควรทำ แต่เมื่อคิดถึงผู้รับ จิตก็เป็นอกุศลได้ง่าย สมดัง ในเรื่อง จูเฬกสาฎกพรหามณ์ที่มีผ้าผืนเดียว ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสเตือนด้วยข้อพระธรรมในเรื่องนี้ไว้ครับว่า

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 8

"บุคคลพึงรีบขวนขวายในความดี, พึงห้ามจิต เสียจากบาป, เพราะว่า เมื่อบุคคลทำความดีช้าอยู่, ใจจะยินดีในบาป."


สามารถอ่านเรื่องราวเต็มๆ ของ จูเฬกสาฎกพรหามณ์ ที่กล่าวว่า ชิตังเม เราชนะแล้ว ได้ที่ลิงก์นี้ครับ ... เรื่องพราหมณ์ชื่อจูเฬกสาฎก [เอกสาฎกพราหมณ์]

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chaweewanksyt
วันที่ 2 พ.ค. 2555

สาธุ

สาธุ

สาธุ

การทำความดีใด ควรทำทันที ... เราจักทำก่อนคนอื่นๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 2 พ.ค. 2555

พระอริยบุคคลเป็นเนื้อนาบุญ ทำบุญด้วยก็มีอานิสงส์มาก เช่น ชาวนาคนหนึ่งได้ทำบุญให้ทานกับพระอรหันต์ พอเขาตื่นนอนขึ้นมาที่ดินที่เขาไถนาก็กลายเป็นทองคำไปหมดเลย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Preawpraw
วันที่ 3 พ.ค. 2555

ท่านทั้งหลายพอจะทราบบ้างมัยคะว่ามีพระอรหันต์ อยู่ที่ไหนบ้าง และใครบ้างที่เป็นพระอริยบุคคล อยากทราบจริงๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ และอนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 3 พ.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 8 ครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ... พระอรหันต์

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เซจาน้อย
วันที่ 3 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"พระอรหันต์อยู่ที่บ้านครับ"

" มารดา บิดาก็คือพระอรหันต์ของบุตรครับ"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chaweewanksyt
วันที่ 2 พ.ย. 2555

ดีจังเข้าเว็บนี้ได้แล้วค่ะ

ขอขอบคุณทีมงานสาธุ สาธุ ตรงนี้

ขออนุโมทนา

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
kinder
วันที่ 23 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ