ปหาตัพพธรรม

 
gboy
วันที่  21 ธ.ค. 2554
หมายเลข  20207
อ่าน  4,516

เรียนถามอาจารย์ เกี่ยวกับ ทัสสนนปหาตัพพะกับภาวนาปหาตัพพะ ว่ามีข้อที่เหมือนกันไหมครับ

ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 21 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจคำว่า ปหาตัพพธรรม ก่อนครับว่าคืออะไร

ปหาตัพพธรรม คือสภาพธรรมที่ควรละ อะไรที่ควรละ คือสภาพธรรมที่เป็นกิเลสประการต่างๆ มี โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ดังนั้น อกุศลธรรมที่เป็นกิเลสทั้งหมด เป็นปหาตัพพธรรม คือเป็นสภาพธรรมที่ควรละ ละด้วยปัญญาครับ

ส่วนคำว่า ทัสสนนปหาตัพพะ กับ ภาวนาปหาตัพพะ คืออะไร ทัสสนนปหาตัพพะ หมายถึง สภาพธรรมทั้งหลาย คือกิเลสบางประการที่ละได้ด้วยโสดาปัตติมรรค ชื่อว่า ทัสสนนปหาตัพพะ ซึ่งสภาพธรรมคือกิเลสที่ละได้ด้วยโสดาปัตติมรรคที่เป็นทัสสนนปหาตัพพะ อันเป็นการละกิเลส คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส อคติ ๔ เป็นต้น ที่โสดาปัตติมรรคละได้แล้ว เรียกว่า ทัสสนนปหาตัพพะ คือสภาพธรรมทั้งหลายมีกิเลสประการที่ละได้ด้วยโสดาปัตติมรรคครับ

ภาวนาปหาตัพพะ หมายถึงสภาพธรรมทั้งหลายที่เป็นกิเลสประการต่างๆ ที่ละได้ด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ประการ คือ สกทาคามีมรรค อนาคามิมรรค อรหัตมรรค สภาวธรรม คือกิเลสประการต่างๆ ที่ถูกละได้ด้วยมรรค ๓ เบื้องบน เรียกว่า ภาวนาปหาตัพพะครับ เช่น โลภะ ความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส เป็นต้น ความโกรธ ความไม่รู้ ความฟุ้งซ่าน มานะ เป็นต้น กิเลสที่เหลือเหล่านี้ที่ถูกละด้วยมรรค ๓ เบื้องบน ชื่อว่า ภาวนาปหาตัพพะ

ดังนั้น ทัสสนนปหาตัพพะกับภาวนาปหาตัพพะ เหมือนกันตรงที่เป็นสภาพธรรมที่ควรละเหมือนกัน เพราะเป็นกิเลส เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดีเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ชนิดของกิเลสที่ละไม่เหมือนกัน ต่างกันตรงที่ระดับปัญญาที่ละ เพราะทัสสนนปหาตัพพะ คือสภาพธรรมที่ควรละที่ละกิเลสด้วยปัญญาที่เป็นโสดาปัตติมรรค แต่ภาวนาปหาตัพพะ เป็นปัญญาที่ละกิเลสประการต่างๆ ด้วยมรรค ๓ เบื้องบน มี สกทาคามีมรรค อนาคามิมรรคและอรหัตมรรค ครับ

ขออนุโมทนา

[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 187

ทสฺสเนน ปาตพฺพา ธมฺมา ธรรมอันโสดาปัตติมรรคประหาณ

ภาวนาย ปหาตพฺพา ธมฺมา ธรรมอันมรรคเบื้องสูง ๓ ประหาณ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
jaturong
วันที่ 21 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 21 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่มีจริงทุกอย่างทุกประการ เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละอย่างๆ โดยไม่ปะปนกันซึ่งไม่พ้นไปจากนามธรรมและรูปธรรมเลย และมีจริงในขณะนี้ด้วย เมื่อกล่าวถึงธรรมที่พึงละแล้ว ย่อมหมายถึงอกุศลธรรมทุกประเภท อกุศลธรรมเป็นธรรมที่ไม่ดีไม่งาม ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมทั้งให้ผลเป็นทุกข์ ได้แก่ อกุศลจิตและเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย

ดังนั้น สภาพธรรมที่โสดาปัตติมรรคพึงละ [ทัสสนนปหาตัพพธรรม] จึงหมายถึงกิเลสที่จะพึงดับได้ด้วยโสดาปัตติมรรคคือความเห็นผิดทุกประเภท ความตระหนี่ ความริษยา ความลังเลสงสัยในสภาพธรรม เมื่อดับกิเลสประเภทดังกล่าวนี้ได้ ก็หมายถึงว่า ดับอกุศลจิตที่กิเลสนั้นๆ เกิดร่วมด้วยได้ด้วยรวมไปถึงกิเลสที่อยู่ในฐานะเดียวกันกับกิเลสประเภทนั้นๆ ก็ไม่เกิดอีกด้วย เช่น โสตาปัตติมรรคดับความเห็นผิดได้ โลภมูลจิตที่ประกอบด้วยความเห็นผิด ก็เป็นอันดับได้ด้วย เพราะความเห็นผิดจะต้องเกิดร่วมกับโลภมูลจิตเท่านั้น ไม่เกิดร่วมกับจิตประเภทอื่น เมื่อความเห็นผิดถูกดับ โลภมูลจิตประเภทที่ประกอบด้วยความเห็นผิดนี้ จึงถูกดับไปด้วย

สภาพธรรมที่มรรคเบื้องบน ๓ คือ สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตตมรรค พึงละ [ภาวนาปหาตัพพธรรม] ก็โดยนัยเดียวกัน กล่าวคือ สกทาคามิมรรค ไม่ได้ทำกิจดับกิเลสใดๆ เพิ่มเติมต่อจากโสตาปัตติมรรค แต่ได้กระทำโลภะและโทสะให้เบาบางลง, อนาคามิมรรคดับความติดข้องยินดีพอใจในกาม ดับความโกรธได้ สำหรับอรหัตตมรรคนั้นดับกิเลสทั้งหมดที่ยังดับไม่ได้ด้วยมรรคเบื้องต่ำ ๓ คือ ดับโลภะที่เป็นความติดข้องในภพ ดับมานะ (ความสำคัญตน) ดับอุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่านแห่งจิต) ดับอวิชชา ได้อย่างหมดสิ้น ซึ่งก็หมายรวมถึงดับอกุศลจิตที่กิเลสประเภทนั้นๆ เกิดร่วมด้วยได้ด้วย รวมไปถึงกิเลสที่อยู่ในฐานะเดียวกันทั้งหมดก็ดับได้ด้วย กิเลสอกุศลที่มีมากที่สะสมมาอย่างยาวนานในสังสารวัฏฏ์จะถูกดับได้เมื่อมรรคจิตเกิดขึ้นทำกิจประหาณกิเลส ซึ่งดับได้ตามลำดับขั้น ตั้งแต่โสตาปัตติมรรคจิตจนถึงอรหัตมรรคจิต กิเลสใดๆ ที่ดับได้แล้วก็จะไม่เกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 21 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
intra
วันที่ 21 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
gboy
วันที่ 21 ธ.ค. 2554

ขออนุโมทนาและขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 22 ธ.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
daris
วันที่ 22 ธ.ค. 2554

ขอกราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ผเดิม อาจารย์คำปั่น

ผู้ตั้งคำถาม และผู้สนทนาทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pat_jesty
วันที่ 23 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 23 ธ.ค. 2554

กิเลสถึงจะมีมากมาย สะสมมานับชาติไม่ได้ แต่ก็ไม่มีกำลังเท่ากับกำลังของฝ่าย กุศล คือปัญญา และพระอริยบุคคลเท่านั้นที่จะดับกิเลสได้ตามลำดับของปัญญาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ