โยนิโสมนสิการ

 
pirmsombat
วันที่  19 ธ.ค. 2553
หมายเลข  17637
อ่าน  4,231

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ผู้ฟัง การที่เราอิสสา ริษยา ที่เขาทำความดี ถ้าเรามีสติ เราก็ไม่เป็น

ท่านอาจารย์ ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นไม่ใช่อกุศล เพราะฉะนั้นนี่เป็นความต่างกันของ กุศลจิต กับ อกุศลจิต

คุณธงชัย ปัญจวิญญาณ ผมสมมติเอา จักขุวิญญาณๆ ขณะที่เกิดนั้น เป็นสภาพของนามธรรมที่รู้ แต่รู้เพียง สี แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นสีอะไร แต่ว่าเกิดโยนิโสมนสิการในจิตดวงที่เป็น โวฏฐัพพนะแล้ว ก็เป็นปัจจัยให้ชวนะ เกิดเป็นกุศลอย่างนี้ ผมสงสัยว่ายังไม่รู้ว่าเป็นอะไรด้วยซ้ำไป เป็นแต่เพียงสีหรือปรมัตถธรรมอย่างเดียว

ท่านอาจารย์ น่าสงสัยใช่ไหม เพราะปกติแล้ว ปุถุชน โดยมากมักจะเป็นผู้ที่ตกจากกุศล ใช้คำว่าตกจากกุศลบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ใช่เป็นผู้ที่พร้อมด้วยกุศลที่จะเกิด สำหรับผู้ที่เป็น ปุถุชน จะเห็นได้ว่าวันหนึ่งๆ ตกไปในทาง โลภะ อยากจะได้สิ่งที่ปรากฏ ทางตาบ้าง เสียงบ้าง ... พะบ้าง ในวันๆ เพราะฉะนั้นปุถุชนจะตกจากกุศลบ่อยเหลือเกินแต่ถ้าเป็นผู้ที่เป็นผู้ที่อบรมเจริญสติปัฏฐาน อย่าลืมว่า หนทางเดียวที่จะรู้ได้ ทางตาที่กำลังเห็น แม้ว่ายังไม่รู้ว่าเป็นอะไร กุศลจิตก็เกิดได้ เมื่อเป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน แต่ไม่ใช่ผู้ที่มีปกติเจริญสติปัฏฐาน เห็นแล้วก็เป็น อกุศลประเภทหนึ่งประเภทใด เป็นประจำ ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม เสียงดังที่เกิดขึ้น ตกใจกลัว ยังไม่รู้เลย ว่าเสียงอะไร ต้องรู้เสียงก่อนหรือเปล่า ถึงจะกลัว ถึงจะตกใจ แต่ว่าเสียงอย่างนั้นเป็นปัจจัยให้อกุศลจิตเกิดแล้วเป็นโทสะมูลจิต โดยยังไม่ต้องรู้เลยค่ะว่าเป็นเสียงอะไร แต่ขณะที่อบรมเจริญสติปัฏฐาน สติกำลังระลึกสืบเนื่องติดต่อกันทางตา ทางหู ... ทางกาย ทางใจ เป็นปกติ ปกติเมื่อไร เมื่อนั้น แม้เห็น กุศลจิต ก็เกิดได้โดยที่ยังไม่รู้ว่า สิ่งที่เห็นเป็นอะไร ไม่จำเป็นต้องถึงกับต้องรู้เสียก่อนว่า สิ่งนั้นเป็นอะไร

เพราะฉะนั้น ชีวิตของแต่ละบุคคลนี้ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ธรรม ตามความเป็นจริง ว่าปกติของผู้ที่ไม่ได้ศึกษาธรรม หรือ ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม ไม่ได้อบรมเจริญสติปัฏฐาน ก็เป็นอย่างหนึ่ง คือจะเกิดกุศลได้อย่างไร ทั้งๆ ทางตาที่เห็น จะทำอย่างไร มนสิการอย่างไรจึงจะเป็นกุศลแต่ไม่ใช่ให้ใครไปมนสิการ หรือไม่ใช่เพียงใช้ชื่อ โยนิโสมนสิการ แต่ความจริงแล้วเป็น อโยนิโสมนสิการ เพราะว่าเป็นความเข้าใจผิด เป็นความเห็นผิด แต่จะใช้คำว่า โยนิโสอย่างนั้น โยนิโสอย่างนี้แต่ลักษณะจริงๆ ของ โยนิโสมนสิการ ต้องเป็น มโนทวาราวัชชนจิต ที่ทำโวฏฐัพพนะกิจ ทาง ปัญจทวาร หรือทำ อาวัชชนกิจ ทาง มโนทวาร ซึ่งเป็น ชวนปฏิปาทกมนสิการ ไม่ใช่ใครสามารถจะทำได้ตามใจชอบ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 20 ธ.ค. 2553

โยนิโสมนสิการ ต้องเป็น มโนทวาราวัชชนจิต ที่ทำ โวฏฐัพพนะกิจ ทางปัญจทวาร หรือทำ อาวัชชนกิจ ทาง มโนทวาร ซึ่งเป็น ชวนปฏิปาทกมนสิการ ไม่ใช่ใครสามารถจะทำได้ตามใจชอบ

...ขอกราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอที่นำคำบรรยายที่มีค่าจากท่านอาจารย์มาให้ได้ศึกษากันค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pirmsombat
วันที่ 21 ธ.ค. 2553

ขอบคุณ และ อนุโมทนา คุณ เมตตา มากครับ

ขออวยพรปีใหม่ให้คุณ เมตตา "เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน" ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 22 ธ.ค. 2553

ขอกราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอค่ะ

ขอพรนั้นจงสำเร็จแก่คุณหมอด้วยเช่นกันค่ะ

ขออนุญาติยกข้อความจากคุณ prakaimuk.k

ขอให้อธิบายความหมายของคำว่า พร

พร หมายถึง สิ่งที่ประเสริฐ เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ฉะนั้น เมื่อปรารถนาที่จะได้ผลอย่างใด ก็มักขอพร บางท่านก็อวยพรให้ได้ผลที่ดีสมความปรารถนา ผู้ที่ขอพรในสมัยนี้ ต่างกับที่ท่านวิสาขามิคารมาตา ขอพรจากพระผู้มีพระภาคฯ ท่านขอโอกาสที่จะได้ทำกุศล อันเป็นเหตุที่จะให้ได้พรนั้น เพราะคนอื่นจะนำพรมาให้ไม่ได้ พรใดที่ปรารถนานั้น ต้องเป็นผลของกุศลกรรมของตน จึงควรต้องกระทำกุศลมากๆ ทุกประการเพื่อให้ได้รับพร คือ ผลของกุศลทุกประการโดยครบถ้วน

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...

นางวิสาขา มิคารมาตา

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณ prakaimuk.k ด้วยค่ะ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pamali
วันที่ 22 ธ.ค. 2553

กราบอนุโมทนาท่านอจ.สุจินต์ ขอขอบพระคุณ.. คุณหมอ ..คุณเมตตา และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pirmsombat
วันที่ 22 ธ.ค. 2553

ขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านมากครับ

การไม่คบคนพาล ๑

การคบบัณฑิต ๑

การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๑

นี้เป็นอุดมมงคล.

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
napachant
วันที่ 22 ธ.ค. 2553
ขอบพระคุณ. และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สิริพรรณ
วันที่ 12 ธ.ค. 2564

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ