เสน่ห์อินเดีย 4

 
kanchana.c
วันที่  27 ก.พ. 2552
หมายเลข  11380
อ่าน  2,096

สระมุจลินท์ ของแท้

เดินออกจากวังมหันต์ แวะดูพระพุทธรูปที่กรอบประตูอีกครั้งด้วยความเสียดาย ที่ ประดิษฐานอยู่ในที่ไม่เหมาะสมกับความสวยงาม แล้วก็ตัดใจเดินไปที่พระเจดีย์ คิดว่า คราวนี้คงจะไม่มีคนหนาแน่นแล้ว จะได้นั่งเงียบๆ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แน่ๆ เดินจะขึ้น บันได เห็นคณะบ้านธัมมะจากเชียงใหม่หลายคน พอเจอกันก็ดีใจมาก ราวกับเพิ่งพบ กันครั้งแรก คุณโจชวนให้ไปดูสระมุจลินท์ของแท้ ไม่ใช่ที่จำลองมาอยู่ในบริเวณพระ เจดีย์ เรารีบตอบตกลงทันทีด้วยความยิ่งกว่าเต็มใจ กระโดดขึ้นรถตุ๊กตุ๊กแขก ที่ สามารถนั่งได้รอบด้าน ข้างคนขับ 2 ที่ ที่นั่งหลังคนขับได้ 3 ที่ และท้ายสุดก็นั่งได้อีก 2 เคยเห็นแขกนั่งกันได้เป็นสิบ และก็พบกับคณะพี่เดือนที่จะไปที่เดียวกัน จึงมีขบวน รถตุ๊ก 3 คัน ขับไปตามถนนด้านหลังพระเจดีย์ผ่านตลาดขายของสารพัดอย่าง แล่น เลียบแม่น้ำเนรัญชราไปตามทางดินขรุขระ แต่ก็สนุกมาก เหมือนได้ผจญภัยในทะเล ทราย บางครั้งรถก็วิ่งหลบหลุมเข้าไปในบริเวณบ้านชาวบ้าน เห็นออกมาด่ากัน (เดา เอาจากภาษากาย เพราะฟังไม่รู้เรื่อง) ผ่านกลุ่มแขกหลายคนนั่งอยู่ริมแม่น้ำ ได้ทราบว่า เป็นการเผาศพ ซึ่งเรียบง่ายดี

กว่าจะถึงสระมุจลินท์ ก็สะบักสะบอม เพราะถูกกระแทก กระทั้นจากแรงกระเทือน เห็นสระใหญ่พอสมควร มีน้ำสีเขียวเข้มเต็มสระ ในขณะที่แม่ น้ำแห้งผาก มีแต่ทราย มีชาวบ้านหลายคนและวัวอยู่ใกล้ๆ สระ มีป้ายหินจารึกภาษาแขก ไว้ สอบถามไกด์ที่พาไป ได้ความว่า ไม่เกี่ยวกับสระ แต่บอกชื่อผู้ทำทางน้ำให้ไหลไป ตามไร่นาเพื่อทำการเกษตร คุณวรรณีผู้มีศรัทธาแรงกล้า หาที่ปูผ้าเพื่อกราบนมัสการ ได้ที่เป็นเนินใกล้สระที่ห่างไกลจากกองขี้วัวไปหน่อย แล้วก็ชักชวนกันกราบเพื่อระลึก ถึงพระผู้มีพระภาคที่ได้เสด็จมาประทับเสวยวิมุตติสุขอยู่เป็นเวลา ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๖ หลังตรัสรู้ ซึ่งในตำนานกล่าวว่า ตอนนั้นมีลมหนาวเย็นและฝนตกพรำตลอด ๗ วัน มุ จลินทนาคราชได้มาวงขนดรอบพระกายของพระผู้มีพระภาค และแผ่พังพานใหญ่ คลุม เหนือพระเศียร เพื่อป้องกันมิให้ลมฝนและความหนาวเย็นเบียดเบียนพระพุทธองค์ ซึ่ง เราได้นำจินตนาการมาสร้างเป็นพระพุทธรูปปางหนึ่ง เรียกกันว่า พระนาคปรก หรือพระ ปางนาคปรก (ข้อมูลจากเล่มเดิม)

ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วจึงเดินทางกลับ อาจารย์ดวงเดือนเชิญทุกคนทาน อาหารไทย ที่ร้าน Siam Thai Restaurant ตรงข้ามกับพระเจดีย์ ดีใจมากๆ จากบ้านมา ไม่ถึง 3 วัน ก็คิดถึงอาหารไทยเสียแล้ว อาหารบ้านใครบ้านมันจริงๆ ต่อให้อาหารใน โรงแรมจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม ก็ยังคิดถึงน้ำพริกกะปิอยู่ทุกวัน เห็นหรือยังว่า ตนเองติดในรสขนาดไหน คิดเอาเองตามจินตนาการของตนว่า เป็นคนเรียบง่าย กินอะไรก็ได้ (ของที่ชอบ) มืดบอดขนาดติดในรส ก็ยังไม่รู้ว่าติด เห็นโทษของการติดในรสหรือยัง ติดน้อยๆ ก็เกิดโทสะเวลาไม่ได้รสที่ต้องการ ถ้าติดมากก็ต้องแสวงหาแม้ต้องทำทุจริต อย่างคนติดในรสปลาสดหวานๆ ก็ต้องไปยืนดูเขาทุบหัวปลาให้เห็นว่าสดจริงๆ ร้านนี้เป็นของผู้หญิงไทย แต่ช่วงนี้ไม่อยู่ กลับเมืองไทย เห็นแต่แขกตัวอ้วนใหญ่ นั่ง อยู่

เมื่อบริกรนำเมนูมาให้ดู เห็นมีรายการอาหารไทยให้เลือกมากมาย แต่พอเราเลือก อะไร ก็จะบอกว่าวันนี้ไม่มี ไม่รู้ว่าจะมีวันไหน กว่าอาหารจะมาเสริฟก็ชะเง้อไปที่ครัวกัน คอยาว เพราะนานมาก พอถามก็บอกว่า ไม่เกิน ๑๐ นาที สามีเล่าว่า พอสั่งข้าว ก็จะเริ่ม หุง พอถามว่า ทำไมจึงไม่หุงไว้ก่อน เขาก็บอกว่า ไม่รู้ว่าคุณจะมาสั่งนี่ ในที่สุดก็เห็น จานข้าวผัดที่สั่งไว้ออกมา คิดว่าจะได้ทานเสียที ก็ยกกลับไปอีก คงลืมใส่ข้าว พอเดิน ไปถาม ก็บอกว่า ต้องทำให้เสร็จตามจำนวนที่สั่งก่อน จึงจะเสริฟทีเดียว และในที่สุดก็ ได้ทานข้าวผัดกุ้ง จานละ 160 รูปี ซึ่งอร่อยมาก พร้อมกับกับข้าวอีกหลายอย่าง และ ไอศกรีมแขก ที่อาจารย์ดวงเดือนรับรองว่าอร่อยมาก เพราะอุดมด้วยนมสดๆ และไม่ หวานมาก กราบขอบพระคุณสำหรับอาหารอร่อยค่ะ วันนั้นมีคนทานทั้งหมด 16 คน ค่า อาหาร 4,015 รูปี มีของเหลือห่อให้ไกด์ประจำตัวอาจารย์ที่ติดตามมามาเป็นไกด์ให้ หลายปีแล้ว กลับไปหลายห่อทีเดียว


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 28 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 28 ก.พ. 2552

ชื่นชมสำนวนการเขียนมากคะขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 28 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
saifon.p
วันที่ 28 ก.พ. 2552

วันนั้นสนุกมากค่ะ กลับมาถึงโรงแรมยังแซวกันว่า "กระดูกซี่โครงยังไม่เข้าที่เลย"กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ดวงเดือนค่ะที่ให้โอกาสได้ไปกราบสถานที่จริงและได้ทานอาหารไทยที่อร่อย และอนุโมทนาทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 28 ก.พ. 2552

เอ๊ ! ทำไมเมตตาไม่ได้ไปทานอาหารไทยด้วยหนอ?

สภาพธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ อนัตตาจริงๆ

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ดวงเดือนค่ะ

ขออนุโมทนาพี่ kanchana.c ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wirat.k
วันที่ 1 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

อ่านสนุกน่าติดตามทุกตอนครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 1 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
namarupa
วันที่ 2 มี.ค. 2552

อ่านสนุกน่าติดตามทุกตอนจริงๆ ด้วย สรุปแล้วตอนนี้มูลนิธิ ฯ เราก็มีนักเขียนมือฉมังอยู่สามคนแล้วนะคะเนี่ย คนแรกก็คือ คุณอัญญมณี ต่อมาก็คุณวีระยุทธเจ้าประจำ ตอนนี้เราก็มีพี่แดงผู้น่ารัก

ขออนุโมทนาทุกท่านมาณที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kanchana.c
วันที่ 3 มี.ค. 2552

อย่าลืมคุณหมอวิภากรอีกคนค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 3 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลของทุกๆ ท่าน ล้วนเป็นนักเขียนมือฉมังค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
petcharath
วันที่ 4 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pornchai.s
วันที่ 4 มี.ค. 2552

อนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pornpaon
วันที่ 8 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
homenumber5
วันที่ 13 มี.ค. 2553

อ่านสนุก มีมุขมากแทรกธัมมะ

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
pondhip
วันที่ 16 มี.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
บัวขาว
วันที่ 18 มี.ค. 2553

อ่านที่ไรสนุกและประทับใจทุกที่สำนวนสละสลวยดีค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 2 เม.ย. 2554
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
guy
วันที่ 10 เม.ย. 2554

อ่านแล้วเห็นสภาพธรรมได้ดีจริงๆ ครับ

ขอขอบคุณและอนุโมทนาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
chatchai.k
วันที่ 9 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ