เสน่ห์อินเดีย 5

 
kanchana.c
วันที่  28 ก.พ. 2552
หมายเลข  11383
อ่าน  2,190

เมืองคยา

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรม นัดกันว่าจะไปเที่ยวตัวเมืองคยา ที่ห่างจากเจดีย์พุทธคยาประมาณ 13 กม. ค่ารถตุ๊ก 100 รูปี แต่ถ้าเหมาไปกลับ และพาชมสถานที่ด้วย คิด 300 รูปี มาพุทธคยาหลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นตัวเมืองเลย ในเรื่อง “๔ วัน ในพุทธคยา” เขียนไว้ว่า เมืองคยาเป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐพิหาร แต่เมื่อได้อ่านหนังสือ “เกี่ยวกับอินเดีย” ของท่านพระราชธรรมมุนี (เกียรติ สุกิตฺติ) ซึ่งคุณสุวัฒแจกให้อ่านเพื่อศึกษาข้อมูลก่อนไปอินเดีย (ด้วยตัวเอง) ทำให้ทราบว่าข้อมูลผิดพลาด เพราะในหนังสือท่านเขียนไว้ว่า “เมืองคยาซึ่งเป็นชุมทางรถไฟใหญ่ และเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของรัฐพิหาร” และ "คยา" เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของรัฐพิหารซึ่งมีพลเมืองถึง ๕๖ ล้านคน มีความสำคัญทางศาสนาทั้งแก่ฝ่ายพุทธ และฮินดู เป็นเมืองเก่าแก่มีมาตั้งแต่สมัยของพระพุทธองค์ และคงตั้งอยู่ ณ ที่เดิมตลอดมา ไม่ได้ถูกทิ้งไปเหมือนเมืองเก่ามีชื่ออื่นๆ เช่น ราชคฤห์ เวสาลี สาวัตถี โกสัมพี อุชเชนี เป็นต้น

"พุทธคยา เป็นตำบลนอกเมืองอยู่ทางใต้ของตัวเมืองคยา มีถนนติดต่อสองสายสายเดิมซึ่งเป็นสายในและค่อนข้างพลุกพล่าน เลียบไปตามลำแม่น้ำผัลคุ และแม่น้ำเนรัญชรา” ที่เราพูดถึงว่าเป็นเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง นั่นคือ เมืองพุทธคยา ซึ่งเป็นเพียงตำบลหนึ่งในจังหวัดคยา ต้องขออภัยด้วย เหมือนตาบอดคลำช้าง คลำถูกหางช้าง ก็บอกว่าช้างตัวเล็ก และรถตุ๊กๆ ก็พาแล่นไปตามถนนลาดยางขนาด ๒ เลน ผ่านทางไปสนามบิน กรมทหาร สถานีตำรวจ ดูร่มรื่นสะอาดสะอ้าน เมื่อรถแล่นเข้าไปในตัวเมือง ก็จอแจด้วยยวดยานพาหนะหลายชนิด ก็เห็นตึกสูงประมาณ ๓ ชั้น ขายของมากมาย ถนนหนทางก็แออัดด้วยรถทุกชนิด ผู้คนเดินกันพลุกพล่าน ในถนนมีทั้งรถ ทั้งคน ทั้งวัว แพะ เดินกันอย่างอิสระ มีเสียงแตรรถดังสนั่นบอกให้รู้ว่า “ฉันจะไปแล้วนะ ระวังตัวด้วย” ถนนหนทางสกปรกด้วยขยะ น้ำหมาก และน้ำอีกหลายชนิดที่จำแนกไม่ได้ สายไฟฟ้าข้างทางก็รกรุงรังด้วยหยากไย่ใยแมงมุม

พวกเราเดินดูร้านใหญ่ขายผ้าสาหรี และข้าวของเครื่องใช้กัน ๒ – ๓ ร้าน ก็อยากกลับไปหาความสงบเย็นที่พุทธคยาแล้ว แต่คนขับรถตุ๊กๆ พารถหายไป ได้ความว่าไปกินข้าว คอยสักพัก ก็กลับมาพร้อมกับถุงข้าวของ ได้ความว่าไปซื้อเสื้อ คงคาดว่าจะได้เงินพวกเราก้อนใหญ่ เลยจ่ายไปก่อน ความจริงเราอยากจะไปดูชุมทางรถไฟใหญ่ ที่เป็นที่พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาลงที่นี่ ก่อนไปที่สมาคมมหาโพธิ แต่คนอื่นๆ อยากกลับไปพุทธคยาแล้ว เด็กอินเดียที่พาไปบอกว่าห่างไปอีก ๒ กม.เท่านั้น และชักชวนให้ไปดูวัดฮินดู บอกว่าใหญ่โตและสวยงามมาก พวกเราตกลงไป รถต้องแล่นผ่านถนนที่วางของขายแน่นไปหมด เหมือนคลองถม สำเพ็งอย่างไรอย่างนั้น แต่สินค้าที่ดูผ่านๆ จากรถแล้ว ที่เมืองไทยจะดูมีระดับกว่า รถวิ่งผ่านซอกซอยต่างๆ ไปหยุดที่วัดฮินดู ซึ่งดูเก่ามาก หลายคนไม่อยากเข้าไป แต่เมื่อมาแล้วก็ลองเข้าไปดู ต้องถอดรองเท้า ชักท้อใจ ถอดทีไรต้องจ่ายครั้งละ ๑๐ รูปีทุกที คิดว่าจะไม่เข้า แต่เด็กที่พาไปอาสาจะเฝ้ารองเท้าให้ ดูอยากจะให้เราเข้าไปให้ได้

เมื่อเข้าไปแล้ว เห็นน้ำนองพื้นไปหมด มาทราบภายหลังว่า นั่นคือน้ำที่พวกฮินดูนำไปรดศิวลึงค์ และนำน้ำนั้นกลับไปบูชาที่บ้าน พวกเราดูผ่านๆ ไม่ประทับใจอะไร อยากจะกลับไปหาความสงบเย็นที่พุทธคยาแล้ว พุทธคยาแม้จะพลุกพล่านด้วยผู้คน และบางครั้งอื้ออึงด้วยเสียงสวดมนต์ภาษาบาลีสำเนียงต่างๆ แต่ก็สงบเย็นภายใต้พระพุทธบารมี ๓๐ ทัศที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญมาอย่างเต็มเปี่ยม ๔ อสงไขยแสนกัปป์ พระบารมีทั้ง ๑๐ พร้อมทั้งพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณแผ่ปกคลุมพุทธศาสนิกชนที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนให้สงบร่มเย็น ก่อนเห็นพุทธคยาก็มีความเลื่อมใสในคำสอนอยู่แล้ว แต่เมื่อได้เห็นเจดีย์พุทธคยาและพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งเป็นหลักฐานที่สัมผัสได้ในทางประวัติศาสตร์ว่า พระพุทธองค์ตรัสรู้ที่นี่ ก็ทำให้มีศรัทธามั่นคงยิ่งขึ้น พุทธคยาจึงเปรียบเสมือนเสาหลักของโลก และดวงตาคือประทีปแห่งจักรวาล สว่างไสวในจิตใจของพุทธศาสนิกชนตลอดไป


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 28 ก.พ. 2552

พุทธคยา เป็นสถานที่ที่พระโพธิสัตว์ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมดจดจาก กิเลสโดยประการทั้งปวง จึงเป็นสถานที่ที่ผู้คนจากทุกสารทิศมากราบไหว้ไม่ว่างเว้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 28 ก.พ. 2552

พุทธคยาจึงเปรียบเสมือนเสาหลักของโลก และดวงตาคือประทีปแห่งจักรวาล สว่างไสวในจิตใจของพุทธศาสนิกชนตลอดไป

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
saifon.p
วันที่ 1 มี.ค. 2552

กราบอนุโมทนาค่ะ สถานที่ตรัสรู้ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรงละ สาธุ สาธุ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suwit02
วันที่ 1 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 2 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pornchai.s
วันที่ 4 มี.ค. 2552

"ไม่มีใคร จะมาอยู่เหนือ บริเวณนี้ได้"

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ING
วันที่ 6 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pornpaon
วันที่ 8 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ธารธรรม
วันที่ 8 มี.ค. 2552

อินเดียเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจในหลากหลายด้าน ทั้งทางด้านศิลปวัฒนธรรมที่คงเอกลักษณ์ของตนเอง และอื่นๆ อีกหลายอย่าง และเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ผมอยากจะเดินทางไปศึกษาศิลปะวัฒนธรรม ตลอดจนความเป็นอยู่ของคนอินเดียอยู่เช่นกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 2 เม.ย. 2554
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
guy
วันที่ 10 เม.ย. 2554

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 13 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ