เสน่ห์อินเดีย 3

 
kanchana.c
วันที่  25 ก.พ. 2552
หมายเลข  11360
อ่าน  2,745

สำรวจรอบๆ โรงแรม

โดย สาวิกา ศาสตรพงศ์

วันนี้ทางทัวร์พาไปเที่ยวกรุงราชคฤห์ แต่เราไปแล้วหลายครั้ง และยังเข็ดขยาดกับการเหยียบกับระเบิดครั้งก่อน จึงขอไปสำรวจสถานที่ต่างๆ ที่หมายตาไว้หลายแห่ง โชคดีที่ไปกันสองคน และมีความคิดอย่างเดียวกัน จึงชวนกันไปผจญภัยน้อยๆ หลัง จากทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว ก็เดินมาชมสวนกุหลาบด้านหน้าที่หมายตาไว้ มี กุหลาบหลายต้น หลายพันธุ์ออกดอกดกสวยงามดี แต่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือน ของฝรั่ง ซึ่งสวนกุหลาบของฝรั่งที่เคยเห็น จะไม่ปล่อยให้หญ้าขึ้นรกรุงรังอย่างนี้หรอก แต่ก็ยังดีกว่าบ้านเราที่กรุงเทพ ที่ปลูกกุหลาบกี่ครั้งก็ไม่ออกดอกสวยงามอย่างนี้ ก่อนออกจากโรงแรมได้แลกเงินรูปีเป็นแบงค์สิบรูปีไว้ 1,000 บาท ได้เงิน 1,000 รูปี ซึ่งถ้าแลกกับไกด์จะได้ 1,400 รูปี แต่เป็นแบงค์ร้อย ซึ่งจะใช้ลำบากมาก เพราะที่ ต้องใช้มาก คือค่าทิป ไม่ว่าจะให้ใครทำอะไร หรือเขาทำอะไรให้โดยไม่ได้ร้องขอ เช่น เปิดประตู เสร็จแล้วเขาจะยืนคอย จนกว่าเราจะจ่ายทิป เขาจึงจะไป แม้จะเข้าห้องน้ำ สาธารณะที่ไม่ต้องเสียเงิน เขาจะเปิดประตูให้ พอเราออกมา เขาก็จะแบมือ แล้วพูด ว่า money money ก็ต้องจ่ายสิบรูปี ถ้ามีแต่แบงค์ร้อย จะทำอย่างไร คาดว่าคงไม่ ทอนแน่นอน ตอนมาถึงวันแรก บ๋อยยกกระเป๋าให้ ตอนนั้นยังไม่มีเงินรูปี ต้องทิปด้วย เงินดอลลาร์ ซึ่งทราบภายหลังว่าให้เงินไทยก็รับเหมือนกัน

เดินมาหน้าโรงแรม มีรถสามล้อถีบคันหนึ่ง คนถีบแก่มาก บอกว่าจะไปวัดไทย พุทธคยา เขาเรียก 20 รูปี ก็ตกลงทันที เพราะไม่ถึง 20 บาท ระยะทางไม่ไกลมาก สามารถเดินไปไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว เมื่อเข้าไปในวัดไทย ก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนกลับบ้าน จากบ้านไปแค่สองวัน ก็คิดถึงบ้านเสียแล้ว ได้เข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์ มีคนอินเดียที่คงนับถือพุทธเข้าไปกราบหลายคน แต่สำหรับคนต่างชาตินั้นเขากั้นเป็น คอกไว้ ไม่ให้เข้าไปนั่งใกล้ชิดกับพระประธานได้เลย สำหรับคนไทย มีประตูทางขึ้นอีก ทางหนึ่ง

เมื่อเข้าไปนั่งบนพรม ได้พิจารณาภาพวาดบนพระอุโบสถ ซึ่งเป็นภาพชาดก พระมหาชนก สวยงามมาก ได้พูดคุยสนทนากับพระคุณเจ้าที่ดูแลวัด ถามท่านว่า ค่ารถ สามล้อจากโรงแรมมาวัดประมาณเท่าไร ท่านบอกว่า บางครั้งก็ 5 รูปี แต่ไม่เกิน 10 รูปี เกินราคาไปนิดหน่อย ไม่เป็นไร นึกว่าทำทาน วัดไทยพุทธคยาสร้างขึ้นโดยรัฐบาล และประชาชนชาวไทย ในสมัยของจอมพลป. พิบูลสงคราม ด้วยการเชื้อเชิญของรัฐบาลอินเดีย เพื่อเป็นพุทธบูชา และอนุสรณ์ในโอกาสเฉลิมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ มีเนื้อที่ทั้งหมด ๑๒ ไร่ โดยรัฐบาลอินเดียจัดสรรให้เช่าเป็นเวลา ๙๙ ปี เมื่อครบกำหนดแล้วก็ต่อสัญญาได้อีกคราวละ ๕๐ ปี พระอุโบสถจำลองแบบพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร พระประธานในโบสถ์เป็นพระพุทธชินราชจำลอง [ข้อมูลจากหนังสือ “เกี่ยวกับอินเดีย” โดย พระราชธรรมมุนี (เกียรติ สุกิตติ)

ออกจากวัดไทย ตั้งใจจะไปดูวัดญี่ปุ่น มีสามล้อรออยู่หลายคันรวมทั้งลุงแก่คนเก่า ที่ยืนยิ้มย่องอยู่ด้วย แต่ฉุนๆ เลยเรียกคันที่เด็กหนุ่มถีบ บอกว่าไปวัดญี่ปุ่น เขาบอกว่า 10 รูปี ก็ตกลงทันที รถเลี้ยวเข้าถนนเล็กๆ ผ่านวัดภูฐาน และวัดอีกหลายชาติที่ไม่ เขียนภาษาอังกฤษ เดาไม่ออกว่าเป็นชาติไหนอีกหลายแห่ง เป็นถนนสายวัดชาติต่างๆ พอถึงวัดญี่ปุ่น เด็กคนถีบบอกว่า ค่ารถ 10 รูปีนั้นต่อคน สองคนก็ต้องจ่าย 20 รูปี อ้าว! สามีเลยนึกได้ว่า ตอนมาเรียนอินเดียเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็อย่างนี้เหมือนกัน ถ้ามีของ วางไว้ที่พื้นรถ ก็จะคิดค่าของอีกต่างหาก เพราะฉะนั้น จะตกลงราคาต้องถามให้แน่ นอนว่า ต่อคัน หรือต่อคน หรือต่อชิ้น ช่างละเอียดลออจริงๆ

วัดญี่ปุ่นยามสายนี้เงียบสงบ มีคนไม่กี่คน ต้องถอดรองเท้าไว้ข้างนอก มีแขกคอย ยืนเก็บเงินค่าวางรองเท้าอีกแล้ว วัดญี่ปุ่นเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์ มีแต่พระพุทธรูปแบบ ญี่ปุ่นองค์ใหญ่ มองเห็นแต่ไกล ดูสงบสวยงามมาก ได้เดินประทักษิณรอบองค์พระ นึกอนุโมทนาในศรัทธาของชาวพุทธญี่ปุ่นที่สร้างพระพุทธรูปได้สวยงามเช่นนี้ ออกจากวัดญี่ปุ่น เดินย้อนกลับมาวัดภูฐาน ได้เข้าไปกราบพระพุทธรูป เขาทำคอก กั้นไว้เหมือนที่วัดไทย สามารถเข้าไปกราบได้เฉพาะหน้าพระพักตร์เท่านั้น ไม่สามารถ จะเดินไปนั่งใกล้ๆ ได้ และวัดอื่นๆ ก็เป็นอย่างนี้ คงมีประสบการณ์ว่าอย่างนี้ปลอดภัยที่ สุด สายมากแล้ว คิดว่าจะกลับไปที่พระศรีมหาโพธิ์ ไปนั่งใต้ร่มเงาของพระเจดีย์ คงจะสงบร่มรื่นดี รถสามล้อคันเก่าถีบตามมาเรียกให้ขึ้น แต่เราไม่อยากใช้บริการ เลย เดินกลับไปเอง คิดว่าไม่ถึง 500 เมตร เดินดูอะไรต่ออะไรข้างทางไปด้วย เข้าใจพวก ฝรั่งที่เดินสะพายเป้ตากแดดหัวแดงแล้ว เพราะการเดินดูนี่ เห็นได้ละเอียดทุกซอกทุก มุมจริงๆ

ถึงพระศรีมหาโพธิ์ยังไม่ทันเหนื่อย ผู้คนก็เยอะแยะมากมายเหมือนเดิม เลยชวนกัน ไปที่วัดมหันต์ ที่เคยดูจากรายการ “ตามรอยพระพุทธเจ้า” และกระทู้ที่คุณวีระยุทธ์ เขียนและมีรูปภาพประกอบด้วย เดินจนสุดถนนเข้าพระเจดีย์ จะมีตลาดเล็กๆ ผู้คนมาก มายเดินเบียดเสียด มีทั้งคนขายของ ขอทาน มีทั้งสามล้อ รถตุ๊กๆ รถจักรยาน ส่งเสียงอื้ออึง มาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเดินมาไกลถึงขนาดนี้เลย เพราะกลัวแขก ไม่ กล้าออกนอกเส้นทางที่ไม่มีผู้นำ คราวนี้เชื่อใจสามีที่เคยอยู่อินเดียมาหลายปี เลยชวน กันเดินเล่นไปเรื่อยๆ ได้เห็นสภาพชีวิตตามธรรมชาติของผู้คนที่อาศัยอยู่รอบๆ เจดีย์ เมื่อสุดถนน เห็นกำแพงคอนกรีตทาสีที่เคยขาว ที่ประตูมีพระพุทธรูปงามมากประดับ อยู่ที่กรอบประตู อย่างไม่เคารพนับถือ เพราะมีแผงขายของวางพิงอยู่

เดินตามถนนทรายเลียบกำแพงวังไปจนสุดกำแพง เลี้ยวขวาก็จะถึงทางเข้า มี แขกนั่งอยู่ 4 - 5 คน เมื่อเห็นเราก็ยินดีมาต้อนรับ ต้องถอดรองเท้าอีกแล้ว คราวนี้ ก้มถอดรองเท้าให้เลย คงต้องทิปหนักกว่าเก่า เมื่อเดินเข้าไปในวัง เห็นพระมหันต์ คน เดียวกับที่ออกทีวีนั่งยิ้มอยู่ มีคนเชิญให้เดินเข้าไปดูข้างใน ซึ่งดูเหมือนกับไม่มีคนอยู่ เหมือนบ้านร้าง สามีรีบชวนกลับ มาบอกทีหลังว่า รู้สึกเย็นยะเยือก ขนลุกซู่ไปทั้งตัว รู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างไรก็ไม่รู้ เพราะเราไปกันแค่ ๒ คน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น คงไม่มีใครรู้ ว่าเราอยู่ในนี้ เป็นอันว่า เห็นแค่ความเสื่อมโทรมของวังมหันต์ที่เคยมีอดีตอันรุ่งเรือง มี ทรัพย์สมบัติมากมาย และต่อสู้กับท่านธัมมปาละมาตลอดเวลาอันยาวนานที่ท่านได้ พยายามขอให้เจดีย์พุทธคยากลับมาเป็นของชาวพุทธ และสำเร็จหลังจากที่ท่านได้ เสียชีวิตแล้ว ๑๙ ปี


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 27 ก.พ. 2552

ท่านอนาคาริกะ ธรรมปาละ และแท่นวัชระอาสน์ กับต้นโพธิ์ ตรงตำแหน่งนี้เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลเจตนา ทั้งทางกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ที่ท่านธรรมปาละได้ต่อสู้เพื่อธำรงไว้ซึ่งพุทธสถาน และพระพุทธศาสนาไว้แก่ชาวพุทธ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
opanayigo
วันที่ 27 ก.พ. 2552

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
orawan.c
วันที่ 28 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 28 ก.พ. 2552

ท่านธรรมปาละเป็นบุคคลที่เสียสละ ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง เป็นบุคคลที่ควรสรรเสริญ ยกย่องค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
saifon.p
วันที่ 28 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
h_peijen
วันที่ 28 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wirat.k
วันที่ 1 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
suwit02
วันที่ 1 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 1 มี.ค. 2552

กราบขออนุโมทนาท่านธรรมปาละและทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
petcharath
วันที่ 4 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pornchai.s
วันที่ 4 มี.ค. 2552

อนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
อารยา
วันที่ 27 มี.ค. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 2 เม.ย. 2554
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
guy
วันที่ 10 เม.ย. 2554

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 9 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ