ภวังคจิต - วิถีจิต - กิจของจิต


    ท่านอาจารย์ การที่จะมีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส ซึ่งเป็นวิบาก เป็นผลของกรรม เช่น เสียงที่ได้ยินปรากฎได้อย่างไร น่าอัศจรรย์ ถ้าไม่มีจิต ไม่มีสภาพที่ได้ยินเสียงนี้เลย แม้เสียงจะมี และจิตก็เกิดขึ้นทำกิจได้ยิน โดยไม่ใช่เรา

    แต่ก่อนนั้น ก่อนที่วิถีจิตทั้งหลายจะเกิด ต้องเป็นภวังค์ และทันทีที่วิบาก คือจิตเห็นจะเกิดทันทีต่อจากภวังคจิตไม่ได้ ต้องมีการสิ้นสุดกระแสของภวังค์ก่อน จากภวังค์ ภวังค์ ภวังค์ นับไม่ถ้วนเลย และเมื่อมีรูปกระทบกับจักขุปสาท หรือโสตปสาท แสดงว่ารูปนั้นเกิด และจักขุปสาท หรือโสตปสาท ก็ต้องเกิดด้วย อาศัยการเกิดของทั้ง ๒ อย่าง ซึ่งยังไม่ดับไป เป็นปัจจัยที่จะให้วิถีจิตเกิดรู้เสียงนั้น หรือสีนั้น หรือกลิ่นนั้น ก็ตามแต่ แต่ละทวาร แต่ว่าขณะที่รูปทั้ง ๒ เกิด ยังเป็นภวังค์ แล้วก็เมื่อรูปกระทบกัน ภวังค์ไหว เพื่อที่จะรู้อารมณ์ใหม่ ก่อนที่จะสิ้นสุดกระแสภวังค์ ๑ ขณะ จากภวังค์ ภวังค์ ภวังค์ ก็เป็นภวังคจลนะ ภาษาบาลี จะจำหรือไม่จำก็ไม่เป็นไร แต่ว่าจะมีภวังค์จิต ก่อนที่จะสิ้นสุดกระแสภวังค์ ๑ ขณะ คือภวังคจลนะ เมื่อดับไปแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งขณะ คือภวังค์สุดท้ายของกระแสภวังค์ เป็นภวังคุปัจเฉทะ แสดงว่าหลังจากนี้แล้วต้องเป็นวิถีจิต ก่อนนั้นเป็นภวังค์ ภวังค์ ภวังค์ แล้วก็ภวังคจลนะ แล้วเมื่อใดที่ภวังคุปัจเฉทะเกิด เมื่อนั้นที่ภวังคุปัจเฉทะดับ วิถีจิตแรกต้องเกิด และดับ เป็นวิถีจิต

    ผู้ฟัง คำว่าวิถีจิตเกิดขึ้น มีคำว่าอาวัชชนะ เข้ามาอีกตัวหนึ่ง ขอคำอธิบาย

    ท่านอาจารย์ อาวัชชนะเป็นกิจของจิต เพราะฉะนั้นจิตทุกดวงในทุกขณะ ทุกประเภทต้องเกิดขึ้นทำกิจ แม้แต่ภวังคจิตก็เป็นกิจของวิบาก วิบากที่ทำกิจปฏิสนธินั่นแหละทำภวังคกิจ วิบากที่เห็นทำภวังคกิจหรือไม่

    ผู้ฟัง วิบากที่เห็น ไม่ทำ

    ท่านอาจารย์ ไม่ทำ เพราะฉะนั้นวิบากมีหลากหลาย แต่เวลาที่กล่าวถึงภวังคจิต ก็หมายความถึงวิบากที่กระทำภวังคกิจ สืบต่อจากปฏิสนธิ เพราะฉะนั้นก่อนที่วิถีจิตจะเกิดต้องเป็นอะไร เป็นภวังค์ เมื่อภวังคุปัจเฉทะดับแล้ว วิถีจิตแรกเรายังไม่บอกว่าชื่ออะไร แต่ต้องเป็นวิถีจิตขณะแรกแน่นอน ที่สืบต่อจากภวังคุปัจเฉทะ แล้วจิตนี้ทำหน้าที่อะไร เพราะว่าจิตต้องเกิดขึ้นทำกิจการงาน จิตนี้ทำอาวัชชนกิจ หมายความถึง รำพึงถึง แต่จริงๆ แล้วก็คือเพียงรู้ว่าอารมณ์กระทบทวาร แล้วแต่ว่าทวารหนึ่ง ทวารใด เพราะเหตุว่าทวาร หรือทางที่จิตจะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ กี่ภพ กี่ชาติ ก็มีเพียง ๖ ไม่เกิน ๖ เลย คือจักขุทวาร ต้องเป็นรูป ได้แก่ จักขุปสาทรูป เป็นทางที่จะทำให้สามารถรู้รูปเดียวที่กระทบกับตาได้ รูปอื่นที่กระทบตาไม่ได้ ไม่สามารถปรากฎทางตาได้เลย ต้องเป็นรูปที่กระทบตาได้เท่านั้น ขณะนี้ที่กำลังปรากฎทางตา เพราะฉะนั้นจักขุทวาร ก็คือจักขุปสาทรูป ถ้ารูปนี้ไม่มี ตาบอด สีสันใดๆ ก็ปรากฎไม่ได้เลย จักขุปสาทรูปเป็นรูปที่เกิดจากกรรม เป็นสมุฏฐาน เพราะฉะนั้นเราจะแบ่งประเภทรูป ว่ารูปประเภทไหนเกิดจากกรรม รูปประเภทไหนเกิดจากจิต รูปประเภทไหนเกิดจากอุตุ รูปประเภทไหนเกิดอาหาร

    ผู้ฟัง กรุณาอธิบายใหม่ ตาเห็นที่เกิดจากกรรม

    ท่านอาจารย์ ถ้าพูดถึงนามธรรม หรือรูปธรรม ก็ต้องละเอียดไปอีก


    หมายเลข 2550
    28 ธ.ค. 2567