ปัญจทวารวัชชนจิต กับ ทวิปัญญจวิญญาณจิต
ท่านอาจารย์ รูปที่เกิดจากกรรมคือจักขุปสาทรูป ไม่ใช่นามธรรม ยังไม่เห็น และสีสันวรรณะต่างๆ เป็นธาตุชนิดหนึ่ง เป็นวรรณธาตุ ไม่เหมือนธาตุแข็ง ธาตุแข็งไม่มีทางที่จะปรากฎทางตาเลย จะปรากฎได้ทางกายเมื่อกระทบสัมผัสเท่านั้นด้วย ถ้ายังไม่กระทบสัมผัส ธาตุแข็งนี้ก็ปรากฎไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นธาตุทั้งหมด ที่เป็นรูปธาตุ นามธาตุ ก็เป็นเฉพาะอย่างๆ ว่า ถ้าเป็นรูปธาตุ คือรูปารมณ์ หรือสิ่งที่ปรากฎทางตา มีจริงๆ แต่เป็นวรรณธาตุ ธาตุที่สามารถที่จะกระทบจักขุปสาทแล้วปรากฎสีสันวรรณะให้เห็นเป็นสีสันวรรณะต่างๆ นี่คือลักษณะของรูปธาตุ หรือถ้าจะใช้คำว่ารูปารมณ์ก็ได้ เพราะว่าคำว่ารูปธาตุ ต่อไปจะพบว่ากว้าง ใช้หมายถึงอย่างนี้ก็ได้ อย่างนั้นก็ได้ สำหรับทางตา สิ่งที่กำลังปรากฎ เป็นอารมณ์ของจิตก็เป็นรูปารมณ์ ธาตุชนิดนี้กระทบจักขุปสาท รูปต่อรูป ขณะนั้นภวังค์ไหว แล้วก็ภวังคุปเฉทะดับ รูปที่กระทบกันยังไม่ดับ ใช่ไหม ทั้งจักขุปสาทรูป และวรรณธาตุ จะมีอายุ ๑๗ ขณะ เพื่อที่จะแสดงอายุของรูปว่าเกิดเมื่อไหร่ และดับเมื่อไหร่ เราก็เรียกภวังค์ที่รูปนั้นกระทบว่าอตีตภวังค์ หนึ่งขณะ ภวังคจลนะ ที่เกิดต่อขณะที่ ๒ ภวังคุปเฉทะ ขณะที่ ๓ ทั้ง๒รูปนี้ยังไม่ดับเลย และเมื่อหมดกระแสภวังค์ และวิถีจิตแรก เนื่องจากเป็นจิตที่รู้อารมณ์ได้ ๕ ทาง ไม่ว่าจะทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย จิตนี้เกิดขึ้นรู้ได้ ๕ ทาง ปัญจทวารคือทาง อาวัชชนะ คือทำกิจรำพึงถึง หรือรู้ว่าอารมณ์กระทบทวารไหน เป็นจิตหนึ่งประเภทที่ทำกิจนี้ จิตนี้ไม่ใช่วิบาก เป็นกิริยาจิต
ถ้าวิบากแล้วจะรู้อารมณ์ที่น่าพอใจ ถ้าเป็นกุศลวิบาก ถ้าเป็นอกุศลวิบากก็รู้อารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ แต่กิริยาจิต คือ ปัญจทวาราวัชชนจิต สามารถรู้อารมณ์ทั้งที่น่าพอใจ และไม่น่าพอใจ ทั้ง ๕ ทวาร เป็นกิริยาจิต นี่คือความละเอียด ใช่ไหม ถ้าโดยสังเขปที่เราพูด คือเห็นแล้วก็พอใจ ไม่พอใจ แต่ก่อนเห็นจิตอะไร แล้วก็วิบากคืออะไรบ้าง ก่อนวิบากต้องมีกิริยาจิต คือปัญจทวาราวัชชนจิต เป็นวิถีจิตแรก ตอนนี้ไม่สงสัยใช่ไหม
ผู้ฟัง ยังงงอยู่
ท่านอาจารย์ วิถีจิตแรก ไม่ว่าจะเป็นทางปัญจทวาร หรือมโนทวาร เป็นกิริยาจิต วิถีจิตแรกเป็นกิริยาจิตก่อน
ผู้ฟัง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นของพระอรหันต์
ท่านอาจารย์ ทุกคน สัตว์ นก อะไรก็ตามแต่ ก่อนเห็นต้องเป็นภวังค์ นี่คือปรมัตถธรรม เหมือนกันหมด บนสวรรค์ ในนรก หรือที่ไหนก็ตาม ก่อนเห็น ก่อนได้ยิน ก่อนรู้อารมณ์หนึ่ง อารมณ์ใด ทั้ง ๖ ทวาร ต้องเป็นภวังค์ก่อน วิถีจิตแรกหมดไปแล้ว ไม่สงสัยใช่ไหม
ผู้ฟัง ทีนี้ก็มาถึงกุศล อกุศล
ท่านอาจารย์ นี้เพิ่งเป็นกิริยาจิต หนึ่งขณะดับ ยังไม่เห็น ต้องจิตนี้ดับก่อน และทางตาจิตเห็นเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเพียงปัญจทวาราวัชชนจิตเกิดขึ้นเป็นวิธีแรกดับไปแล้ว ต่อไปวิถีจิตเกิดสืบต่อ จนกว่าจะหมดการรู้อารมณ์หนึ่ง ที่เป็นอารมณ์เดียวกัน แล้วภวังค์ถึงจะคั่นได้ เพราะฉะนั้นหลังจากกิริยาจิต ซึ่งเป็นวิถีจิตแรกดับไปแล้ว ตอนนี้วิบากเกิดเห็น หรือว่าได้ยิน ขณะนี้ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย
