ชีวิตประจำวันล้อมรอบด้วยบัญญัติ
สำหรับทางหู ตั้งแต่เกิดก็ได้ยินเสียงบ่อยๆ เป็นปกติ โดยที่ยังไม่รู้คำ ไม่มีภาษาหนึ่งภาษาใดเลยตอนที่เป็นเด็ก แต่ว่าสัญญา ความจำในเสียง สามารถที่จะบัญญัติเสียงที่จำไว้ให้มีความหมายต่างๆ เพราะฉะนั้น เวลาที่เป็นเด็กเล็กๆ และก็เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส หกล้มเจ็บ เป็นไข้ โกรธเคือง ชอบ พอใจ ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่รู้คำที่จะอธิบาย ที่จะพูด หรือที่จะบอก
มีท่านผู้ใดจำตอนที่เกิดได้บ้างไหม ทั้งๆ ที่ขณะนั้นก็เห็น ได้ยิน แต่เมื่อยังไม่มีคำที่จะอธิบาย หรือยังไม่สามารถที่จะรู้ความหมาย ความทรงจำในเรื่องของสิ่งที่ปรากฏทางตาก็ผ่านไป แต่เมื่อโตขึ้นแล้ว มีคำมีภาษาที่ใช้ให้รู้ความหมายต่างๆ นอกจากจะจำสิ่งที่เห็นทางตาแล้ว ยังจำเรื่องที่ได้ยินทางหูเพิ่มเติมไปอีก ประกอบกัน ทั้งสิ่งที่ปรากฏทางตาและเสียงที่ได้ยินทางหู ให้เป็นทั้งรูปและเรื่องที่ประกอบกัน
ถ้าอ่านหนังสือเรื่องหนึ่งเรื่องใด ยังไม่พอใช่ไหม ต้องทำเป็นหนังให้เห็น และมีเสียงด้วย หรือในโทรทัศน์ก็ตาม จะเห็นได้ว่า ในขณะที่กำลังดูโทรทัศน์ มีบัญญัติอะไรบ้าง ทางตา ใครกำลังเล่นละคร เรื่องอะไร ชื่ออะไร ดูเสมือนว่าเป็นคนจริงๆ แต่ความจริงเป็นบัญญัติทั้งหมดจากสิ่งที่ปรากฏและจำได้ว่า นี่คือบุคคลนั้นในเรื่องนั้น
เพราะฉะนั้น ชีวิตประจำวันล้อมรอบไปด้วยบัญญัติ ซึ่งปิดบังลักษณะของปรมัตถธรรมจนกระทั่งไม่สามารถแยกรู้ได้จริงๆ ว่า ทางตาที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนนั้นเป็นอย่างไร
ด้วยเหตุนี้การศึกษาเรื่องของจิต กิจของจิต หรือวิถีจิตทางทวารต่างๆ จะช่วยให้ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นในขั้นของการฟัง เพื่อเกื้อกูลเป็นสังขารขันธ์ให้สติน้อมไประลึกลักษณะของปรมัตถธรรมโดยไม่ที่ติดในนิมิตอนุพยัญชนะซึ่งเป็นการปรากฏของบัญญัติ
