จิตเป็นสภาพรู้ หรือธาตุรู้ จิตสั่งไม่ได้


    สุ. สำหรับเรื่องที่จะเข้าใจว่า จิตสั่ง บางท่านดูเหมือนว่าเข้าใจ พอใครบอกว่า จิตสั่ง ก็เข้าใจว่าจิตสั่งให้รูปเกิด มิฉะนั้นแล้วจะไม่มีการเดิน การพูด หรือการกระทำกิจการงานต่างๆ แต่ถ้าจะพิจารณาให้ละเอียดจริงๆ ให้เข้าใจจริงๆ ก็ต้องคิดตั้งแต่ คำว่า จิตสั่ง ที่เรียกว่า สั่ง คืออย่างไร มีใครจะตอบได้ไหมว่า สั่ง คืออย่างไร ที่จะใช้คำว่า จิตสั่ง

    ผู้ฟัง … (ได้ยินไม่ชัด)

    สุ. เพราะฉะนั้น จิตสั่งไม่ได้ใช่ไหม ถ้ามีท่านผู้ใดที่เข้าใจว่าจิตสั่ง เพราะดูเหมือนพอบอกว่า จิตสั่ง ใครๆ ก็เข้าใจว่า ถูกจิตสั่ง มิฉะนั้นแล้วรูปก็จะเคลื่อนไหวประกอบกิจการงานต่างๆ ไม่ได้ ทำให้ดูเหมือนว่าจิตสั่ง แต่ถ้าพิจารณาจริงๆ จะต้องพิจารณาแม้แต่ในความหมายของคำว่า สั่ง ว่าคืออย่างไร คืออะไรที่ว่าสั่ง

    ผู้ฟัง เรื่องจิตสั่ง ผมไม่เห็นด้วย เพราะไปขัดกับหลักธรรมที่ว่า สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งหลายบังคับบัญชาไม่ได้ แต่ว่าเท่าที่ผมได้ยินได้ฟังมาในการบรรยายธรรมตามสถานที่ต่างๆ ทางวิทยุก็ดีนั้น พอจะจับใจความได้ว่า ท่านผู้บรรยายธรรมเหล่านั้น ท่านใช้คำว่าจิตสั่ง เป็นต้นว่า ผมยืนอยู่นี่เพราะจิตสั่งให้ยืน แต่ผมว่าไม่ใช่จิตสั่ง เพราะว่าขัดกับหลักธรรมตามที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งท่านผู้บรรยายธรรมก็ถามว่า ที่โยมยืนอยู่นี่ ยืนเพราะอะไร เราเถียงท่าน ท่านก็ว่า โยมไปคิดดูใหม่ก็แล้วกัน

    สุ. แต่ต้องพิจารณา แม้คำว่าสั่ง ที่ว่าสั่งนั้นคืออะไร

    ผู้ฟัง อย่างเหยียดแขน เพราะจิตสั่งให้เหยียด จึงเหยียดออกไป

    สุ. สั่งคืออะไร ที่ว่าสั่ง ดูเหมือนว่าจะเข้าใจ แต่ถ้าพิจารณาจริงๆ ต้องพิจารณาตั้งแต่แม้คำว่า สั่ง คืออะไร คืออย่างไร และเมื่อไรที่ว่าสั่ง

    ผู้ฟัง เคยเรียนถาม ท่านก็ว่า ไม่อธิบายในข้อนี้ แต่ท่านว่า ที่โยมนั่ง ไม่ใช่เพราะจิตสั่งหรือ ผมก็ว่า ไม่ใช่

    สุ. จิตเป็นสภาพรู้

    ผู้ฟัง ท่านก็ไม่อธิบาย พูดไปพูดมา ก็ตกลงกันไม่ได้ ท่านก็บอกว่า โยมไปคิดดูใหม่ก่อน และวันหลังก็ไม่ได้เอามาพูดกันอีก เดี๋ยวนี้ทางวิทยุก็ยังพูดกันอยู่ และท่านก็มักจะพูดว่า จิตเป็นประธาน เป็นหัวหน้าของธรรมทั้งหลาย ท่านอ้างอย่างนี้ แต่ผมไปอ่านหนังสือพบข้อความว่า ถ้าจิตสั่งได้ ร่างกายก็คงไม่เปื่อย ไม่แก่ ความจริงสั่งไม่ได้ ขัดกับหลักที่ว่า สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แต่ท่านเหล่านั้นท่านมองข้ามไปหมด

    สุ. โดยมากเวลาที่ใช้คำว่า สั่ง ท่านเข้าใจความหมายนี้ว่าอย่างไร

    ผู้ฟัง ก็แปลว่า บังคับบัญชาให้ทำไปตามที่จิตต้องการ เข้าใจว่าอย่างนั้น

    สุ. ต้องพูดหรือเปล่าที่ว่าสั่ง หรือว่าไม่ต้องพูด จิตนึกหรือเปล่าขณะนั้น

    ผู้ฟัง นึก

    สุ. นึก คือ รู้คำหรือเปล่า

    ผู้ฟัง ใช่

    สุ. ถ้าขณะนั้นจิตรู้คำ ก็ไม่ได้สั่งอะไร เพราะจิตเป็นสภาพที่รู้คำ และก็ดับ [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1104]

    จิตมีลักษณะเดียวคือเป็นสภาพรู้ หรือธาตุรู้ เพราะฉะนั้น การที่จะประจักษ์ลักษณะของจิตที่ว่าไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ต้องรู้ในอาการรู้ ซึ่งเป็นลักษณะของจิต ถ้าไปรู้ในอาการอื่น ไม่มีทางที่จะเข้าใจในสภาพรู้ได้

    ผู้ฟัง เคยโต้เถียงกับผู้บรรยายว่า โดยสภาวะของจิต จิตเป็นสภาพที่รู้อารมณ์ ไม่ใช่จะไปสั่งอะไรได้ แต่ท่านก็ไม่ยอม ท่านบอกว่า สั่งนะโยม ที่โยมนั่งอยู่อย่างนี้ เพราะจิตสั่ง ท่านว่าอย่างนั้น ฆราวาสก็เหมือนกัน ฆราวาสที่ท่านบรรยายธรรมก็ว่าจิตสั่ง เดี๋ยวนี้ก็ยังบรรยายอย่างนี้อยู่ทางวิทยุ

    สุ. ในจิต ๘๙ ดวง และในวิถีจิตทุกขณะ ตรวจสอบได้ว่าจิตแต่ละขณะนั้นมีอะไรเป็นอารมณ์ แม้แต่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น เพราะกรรมเป็นปัจจัย ปฏิสนธิจิตมีอารมณ์เดียวกับจิตที่ใกล้จะจุติของชาติก่อน เพราะฉะนั้น ปฏิสนธิจิตกำลังมีอารมณ์นั้น เกิดขึ้นขณะเดียวและดับ ไม่ได้สั่งอะไร เพราะว่าจิตเป็นสภาพรู้ แม้แต่ กัมมชรูปซึ่งเกิดเพราะปฏิสนธิจิตเป็นสหชาตปัจจัย ในขณะนั้น กัมมชรูปเกิดพร้อม อุปาทขณะของปฏิสนธิจิต คือ ทันทีที่ปฏิสนธิจิตเกิด กัมมชรูปก็เกิดพร้อมกันใน อุปาทขณะ ขณะนั้นก็ไม่ได้สั่ง ภวังคจิตก็มีอารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิต รู้อารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิต จะสั่งได้ไหม เพราะฉะนั้น ภวังคจิตก็สั่งไม่ได้ จนกระทั่งวิถีจิต แต่ละดวงก็มีอารมณ์และมีกิจการงานเฉพาะของจิตนั้นๆ ซึ่งเป็นสภาพรู้อารมณ์ แต่ละขณะ

    ผู้ฟัง ที่อาจารย์กรุณาอธิบาย ผมเห็นด้วย แต่มีผู้ฟังอื่นที่ยังเข้าใจไขว้เขว อีกมาก แม้แต่ในการสนทนาธรรม เขาก็ยังเถียงเรื่องจิตสั่งนี้ ปรมัตถธรรมมี ๔ คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน นิพพานนั้นเราไม่ต้องพูดถึง แค่จิต เจตสิก รูป ๓ ปรมัตถ์ ถ้าจิตเป็นผู้สั่ง อะไรเป็นผู้รับคำสั่ง เจตสิกหรือ เจตสิกก็ต้องเกิดพร้อมกับจิตจะไปรับคำสั่งจากจิตอีกอย่างไร ส่วนรูปก็เป็นสภาวธรรมที่รู้อารมณ์ไม่ได้ เมื่อรูปรู้อารมณ์ไม่ได้ จะไปรับคำสั่งจากใครได้

    สุ. และโดยเฉพาะสหชาตปัจจัย จิตเป็นสหชาตปัจจัยทำให้จิตตชรูปเกิดพร้อมกันในอุปาทขณะ เพราะฉะนั้น ไม่มีโอกาสจะสั่ง เพราะว่าเกิดพร้อมกัน

    ผู้ฟัง ที่ฟังอยู่ทุกวันนี้ ท่านก็อ้างอยู่ว่า จิตเป็นใหญ่เป็นประธาน เพราะฉะนั้น ที่เคลื่อนไหวอยู่นี้เพราะจิตสั่งทั้งนั้น แต่ผมไม่เห็นด้วย ผมเห็นด้วยตามแนวทางที่อาจารย์บรรยายนี้

    สุ. เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมต้องละเอียดจริงๆ ไม่ใช่เพื่อเหตุอื่น นอกจากเพื่อให้พิจารณาจนกว่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งถูกต้องตามความเป็นจริง มิฉะนั้นแล้วการศึกษาธรรมไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่ใช่ศึกษาเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมตรงตามที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้ และตรงตามลักษณะของสภาพธรรมซึ่งสามารถพิสูจน์หรือประจักษ์แจ้งได้ เพียงแต่ให้ทราบว่า เป็นเรื่องที่ละเอียด และท่านผู้ฟังต้องพิจารณาไตร่ตรองจนกว่าจะเป็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1105


    หมายเลข 14196
    28 พ.ย. 2568