เป็นแต่เพียงปรมัตถธรรมรวมกัน


    ถ. ตอนนี้เห็นปากกา ท่านอาจารย์บอกว่า ถ้าเห็นแล้วเป็นปากกาอย่างนี้ แสดงว่าข้ามทางปัญจทวารไปแล้ว

    สุ. รู้ได้ว่าเป็นปากกา นั่นคือบัญญัติ

    ถ. ครั้งแรกที่เห็นปากกา แสดงว่าข้ามทางปัญจทวารไปสู่ทางมโนทวารแล้ว

    สุ. ถูกต้อง

    ถ. จะมีการศึกษาหรือปฏิบัติอย่างไรที่จะไม่ให้ข้ามทางปัญจทวาร

    สุ. ต้องฟังจนกระทั่งเข้าใจจริงๆ ว่า คำว่า บัญญัติ นี่เมื่อไร และเป็นบัญญัติจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าเป็นปรมัตถ์ในขณะที่กำลังเห็น ถ้าเป็นปรมัตถธรรม จะไม่มีใครเลย และจะว่าตัวคนเดียวก็ยังไม่ถูก เพราะยังมีตัวอยู่ ก็ยังคงเป็นสัตว์ เป็นบุคคลอยู่

    ถ้าเป็นปรมัตถธรรมจริงๆ คือ จิตเกิดขึ้นขณะเดียว และมีสิ่งที่กำลังปรากฏอย่างเดียว เพราะฉะนั้น เวลานี้สภาพธรรมเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วจนทำให้เห็นเหมือนกับพัดลมกำลังหมุน นี่ต้องต่อกันหลายรูปที่จะทำให้เห็นเป็นการเคลื่อนไหวได้ แม้แต่การยกมือ ก็ต้องมีรูปที่ปรากฏเป็นเหมือนรูปที่ปรากฏนิดหนึ่งและดับก่อนที่จะยกขึ้น เพราะฉะนั้น บัญญัติมากมายจนกระทั่งปิดกั้นปรมัตถธรรม ไม่ให้เห็น ปรมัตถธรรมตามความเป็นจริง

    ถ. ถ้าอย่างนั้น จะเอาคำว่า บัญญัติ ไปทิ้งไว้ที่ไหน

    สุ. ไม่ต้องทิ้ง แต่ให้รู้ว่า ทางมโนทวารรู้

    ถ. เป็นสภาพนึกคิดคำ ใช่ไหม

    สุ. เป็นบัญญัติ ไม่ใช่ปรมัตถ์ นี่คือสิ่งที่จะต้องรู้จริงๆ จึงจะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของปรมัตถธรรมได้

    ทุกท่านบอกว่า เก้าอี้ไม่เห็นจะดับเลย ก็เป็นเก้าอี้ เป็นบัญญัติอยู่อย่างนั้น จะดับได้อย่างไร ยังไม่ได้แยกลักษณะของปรมัตถธรรมออกแต่ละทางเลย

    อย่างองุ่นที่เป็นภาพเขียนกับผลองุ่น กระทบสัมผัสต่างกันไหมทางกายทวาร ก็แข็ง ไม่เหมือนกันหรือ

    ถ. แข็งไม่เหมือนกัน

    สุ. ใช่ แข็งมีหลายอย่าง เกิดจากสมุฏฐานหลายอย่างก็จริง แต่แข็งไม่ได้เปลี่ยนลักษณะเป็นอย่างอื่น แต่ไม่ว่าจะแข็งประการใดๆ ก็ตาม แข็งมาก แข็งน้อย อ่อนมาก อ่อนน้อย ตึงมาก ตึงน้อยก็ตาม ก็เป็นสภาพธรรมที่ปรากฏทางกาย แต่ สิ่งซึ่งองุ่นที่เป็นภาพเขียนไม่มี คือ รส รสขององุ่นไม่มี เพราะฉะนั้น แยกรสออกไป จึงจะไม่มีองุ่น ตราบใดที่ยังมีองุ่นอยู่ก็เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เหมือนกับรูปหลายๆ รูปรวมกันพร้อมจิตเจตสิกก็เป็นคน เป็นสัตว์ เหมือนกับรถยนต์ทั้งคัน ถอดชิ้นส่วนแต่ละส่วนออก ความเป็นรถยนต์ก็ไม่มีฉันใด แม้แต่องุ่นผลหนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นผลองุ่น แต่ที่จริงแล้วเป็นรส เป็นกลิ่น เป็นเย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว เมื่อรวมกันและเกิดดับอย่างรวดเร็วแต่ละขณะทำให้บัญญัติเกิดขึ้นหมายรู้ได้โดยประการนั้นๆ ว่า นี่คือสิ่งนี้ แต่ตามความเป็นจริงเป็นปรมัตถธรรมแต่ละลักษณะจริงๆ ซึ่งปรากฏแต่ ละทาง และดับอย่างรวดเร็ว

    รูปที่ผลองุ่น ไม่ว่าเย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็งก็ดับ รสก็ดับ ทุกๆ ขณะ เพราะฉะนั้น สภาพธรรมจะมีอายุอยู่เพียง ๑๗ ขณะจิตเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรสอะไร ไม่ว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา สีสันวัณณะอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไร ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอะไร ทั้งหมดมีอายุเท่ากัน คือ ๑๗ ขณะ และต้องแตกย่อยฆนสัญญาออก จนไม่ใช่บัญญัติว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นแต่เพียงปรมัตถธรรมแต่ละลักษณะซึ่งรวมกัน เมื่อรวมกันแล้ว ทางมโนทวารจึงหมายรู้โดยประการนั้นๆ คือ โดยบัญญัติ

    ถ. ถ้าทางมโนทวารทราบว่าเป็นปากกา ผิดหรือถูก

    สุ. ไม่ผิด เพราะขณะนั้นมีธัมมารมณ์ คือ บัญญัติ เป็นอารมณ์ แต่ปัญญาต้องรู้ถูกต้องว่า ชั่วขณะที่เป็นมโนทวารวิถีต่างกับขณะที่เป็นจักขุทวารวิถี แต่ ผู้ที่ไม่ได้อบรมเจริญปัญญาก็รวมกันเลย ทั้งทางจักขุทวารวิถีและทางมโนทวารวิถี

    ถ้าเป็นอาหาร ก็รวมกันเลย ทั้งจักขุทวารวิถี ชิวหาทวารวิถี และกายทวารวิถี เป็นอาหารประเภทต่างๆ รสต่างๆ แต่ที่จะไม่เป็นสัตว์ ไม่เป็นบุคคล ไม่เป็นตัวตน ไม่เป็นวัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ต่อเมื่อแยกย่อยรูปที่เกิดดับ ๑๗ ขณะอย่างรวดเร็ว แต่ละขณะที่ปรากฏออก

    ท่านผู้ฟังชอบอะไร โลภะชอบ ชอบอะไร ชอบทุกอย่าง รวมทั้งอะไร รวมทั้งบัญญัติด้วย เต็มไปด้วยบัญญัติทั้งหมด ปฏิเสธไม่ได้ว่าปรมัตถธรรมก็ชอบ บัญญัติ ก็ชอบ ท่านผู้ฟังชอบสิ่งหนึ่งสิ่งใด ขณะนั้นเป็นบัญญัติ ไม่ใช่แต่เฉพาะปรมัตถ์ ถูกไหม

    ถ. ถูก

    สุ. ถ้ามีเข็มขัด ๑ เส้น สีที่ปรากฏทางตาก็ชอบ

    ถ. และชอบยี่ห้อด้วย

    สุ. ทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้น ชอบหมด ถ้าบอกว่าชอบสี สีอะไร สีที่ เป็นคิ้ว เป็นตา เป็นจมูก เป็นปาก ถ้าไม่มีสีปรากฏ จะมีคิ้ว มีตา มีจมูก มีปาก ได้ไหม ก็ไม่ได้ แต่เวลาเห็นสี สีก็เป็นสีอยู่นั่นเอง ไม่ว่าจะแดง เขียว ฟ้า น้ำเงิน ขาว แต่แม้กระนั้นก็ยังชอบคิ้ว ชอบตา ชอบจมูก ชอบปาก นั่นคือชอบอะไร

    ถ. ชอบบัญญัติ

    สุ. ชอบบัญญัติ เพราะฉะนั้น ปรมัตถธรรมมีจริง แต่ขณะใดที่เป็นบัญญัติ คือ ขณะที่รู้ได้ในสิ่งที่กำลังปรากฏและมีความพอใจในสิ่งนั้น ชื่อว่ากำลังมีความพอใจในบัญญัติด้วย

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1351


    หมายเลข 14208
    28 พ.ย. 2568