ความอดทนของบุคคลในสมัยพระทีปังกร
ขอให้ท่านทั้งหลายผู้อยู่ในยุคนี้ คือในสมัยพระพุทธเจ้าพระสมณโคดม ไม่ใช่ในสมัยของพระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ในภัทรกัปป์ ย้อนคิดถึงความอดทนของบุคคลในสมัยของพระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ทีปังกร ซึ่งในมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาขุททกนิกาย พุทธวงศ์ พรรณา เรื่องความปรารถนาของท่านสุเมธ มีข้อความว่า ถอยไป ๔ อสงขัยแสนกัปป์ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ทีปังกร ทรงพยากรณ์ท่านสุเมธดาบสว่า ต่อแต่นี้ไปอีก ๔ อสงขัยแสนกัปป์ จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า สมณโคดมนั้น มหาชนครั้งนั้นที่ได้ฟังพระดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระทีปังกร พากันร่าเริงยินดีและได้ทำความปรารถนาว่า "บุรุษกำลังจะข้ามแม่น้ำ เมื่อไม่อาจข้ามโดยท่าตรงหน้าได้ ก็ย่อมข้ามโดยท่าหลัง ฉันใด พวกเราเมื่อไม่ได้มรรคผลในศาสนาของพระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตกาลก็พึงสามารถทำให้แจ้ง มรรค ผล ต่อหน้าท่านในสมัยที่ท่านจักเป็นพระพุทธเจ้า ก็ฉันนั้นเหมือนกัน"
๔ อสงขัยแสนกัปป์ คนในสมัยโน้นกล่าวว่า ถ้าไม่บรรลุมรรคผลในสมัยของพระทีปังกร ก็คงจะได้บรรลุในสมัยของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดมพระองค์นี้ ๔ อสงขัยแสนกัปป์ที่เป็นความอดทนของคนสมัยนั้น เขาร่าเริงยินดีเพราะเหตุว่าจะมีพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งข้างหน้า อดทนรอได้ ๔ อสงขัยแสนกัปป์ ไม่เร่งผลโดยที่ไม่มีเหตุอันสมควร อย่างบางคนอยากจะปฏิบัติให้เกิดผลภายใน ๓ เดือน หรือว่า ๑ ปี ๒ ปี แต่ว่าคนที่สามารถเข้าใจพระธรรม ก็รู้ได้ว่าจะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานจริงๆ ในการอบรมปัญญา
ข้อความที่ว่า "บุรุษกำลังจะข้ามแม่น้ำ เมื่อไม่อาจข้ามโดยท่าตรงหน้าได้ ก็ย่อมข้ามโดยท่าหลัง" เมื่อไม่สามารถจะรู้แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ก็บำเพ็ญเหตุที่จะให้รู้แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป ฉะนั้น ทุกท่านจึงต้องมีความอดทนอย่างนั้น ต้องเป็นผู้ที่อดทนจริงๆ ที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรม แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้นตามความเป็นจริงในขณะนี้ตามปกติ
ท่านผู้หนึ่งบอกว่า เมื่อท่านได้ฟังพระธรรมและระลึกได้ ก็รู้ว่ามีโลภะเต็มทั้งวัน ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะเหตุว่า สังสารวัฏฏ์ทุกๆ ขณะถูกลากจูงไปด้วยโลภะเป็นเหตุ เป็นสมุทัย ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงเกื้อกูลพุทธบริษัท โดยทรงแสดงโทษของโลภะ ให้เห็นความจริงว่าโลภะนั้นเป็นสมุทัย เป็นเหตุของทุกข์ ซึ่งเป็นสังสารวัฏฏ์ ทั้งๆ ที่วันนี้ทุกคนมีโลภะมากมาย แต่ระลึกได้ไหมว่าโลภะแต่ละขณะที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสมุทัย เป็นเหตุที่จะให้เกิดทุกข์ คือการเกิดขึ้นของนามธรรมและรูปธรรม ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จากชาติหนึ่งสืบไปอีกชาติหนึ่งไปสู่อีกชาติหนึ่ง ทั้งๆ ที่มีโลภะก็ไม่เคยพิจารณารู้ว่าโลภะเป็นสมุทัย พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงเกื้อกูลอนุเคราะห์ทุกประการ ที่จะทำให้แต่ละท่านระลึกได้ในชีวิตประจำวัน ดังเช่นปัญญาของท่านสุเมธบัณฑิตก่อนที่ท่านจะบวชเป็นดาบส ในชาติที่ได้รับพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้าว่า อีก ๔ อสงขัยแสนกัปป์จะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ปัญญาในชีวิตประจำวันของแต่ละคนนั้นควรจะมีและควรอบรมเจริญขึ้น เช่นปัญญาของสุเมธบัณฑิต เมื่อ ๔ อสงขัยแสนกัปป์ เป็นปัญญาที่เกิดจากชีวิตประจำวัน ตามที่ท่านกล่าวถึงโทษของโลภะซึ่งเป็นสมุทัย ในกาลที่ท่านยังไม่ได้บวชเป็นดาบส
ที่มา ...