ปัญจุโปสถิกชาดก
ตัวอย่างในพระสูตรเป็นแต่ละชีวิตจริงๆ ซึ่งมีเหตุทำให้ขัดเกลากิเลส หรือเจริญกุศลตามวิถีชีวิตของแต่ละบุคคลต่างๆ กัน
ใน ขุททกนิกาย ปกิณณกนิบาตชาดก (ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาคี) ปัญจุโปสถิกชาดก
พระโพธิสัตว์ถามนกพิราบว่า
ดูกร นกพิราบ เพราะเหตุไร บัดนี้เจ้าจึงมีความขวนขวายน้อย ไม่ต้องการอาหาร อดกลั้นความหิวกระหาย มารักษาอุโบสถ
นกพิราบก็ตอบว่า แต่ก่อนนี้ข้าพเจ้าบินไปกับนางนกพิราบ เราทั้งสองชื่นชมยินดีกันอยู่ในป่าประเทศนั้น ทันใดนั้น เหยี่ยวได้โฉบเอานางนกพิราบไปเสีย ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะพลัดพรากจากนางไป แต่จำต้องพลัดพรากจากนาง เพราะพลัดพรากจากนาง ข้าพเจ้าได้เสวยเวทนาทางใจ เพราะเหตุนั้นข้าพเจ้าจึงรักษาอุโบสถ ด้วยคิดว่า ความรักอย่าได้กลับมาหาเราอีกเลย
นี่ก็เป็นมูลเหตุที่นกพิราบรักษาอุโบสถ ต่อจากนั้นพระโพธิสัตว์ก็ได้ถามงู ถามสุนัขจิ้งจอก ถามหมี ซึ่งต่างก็รักษาอุโบสถด้วยเหตุต่างๆ กัน แล้วสัตว์เหล่านั้นก็ย้อนถามพระโพธิสัตว์บ้างว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้อความอันใดท่านก็ได้ถามพวกข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าทั้งหมดก็ได้พยากรณ์ข้อความอันนั้นตามที่ได้รู้เห็นมา ข้าแต่ท่านผู้เป็นวงศ์พรหม ผู้เจริญ พวกข้าพเจ้าจะขอถามท่านบ้างละ เพราะเหตุไร ท่านจึงรักษาอุโบสถเล่า
ตอนนี้คนอื่นตอบไม่ได้แน่นอน เพราะว่าแต่ละคนก็มีเหตุเฉพาะของตนๆ พระโพธิสัตว์ตอบว่า
พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่ง ผู้ไม่แปดเปื้อนด้วยกิเลส นั่งอยู่ในอาศรมของฉันครู่หนึ่ง ท่านได้บอกให้ฉันทราบถึงที่ไป ที่มา นาม โคตร และจรณะทุกอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้ถามถึงนามและโคตรของท่านเลย เพราะเหตุนั้นฉันจึงรักษาอุโบสถ ด้วยคิดว่า มานะอย่าได้มาถึงฉันอีกเลย
ในที่นี้ไม่มีใครหมดกิเลสแล้ว กิเลสก็มากจริงๆ มีทั้งความเห็นผิด ทั้งความสงสัยในลักษณะของอริยสัจจะ ทั้งโลภะ ทั้งโทสะ บางคนมีทั้งริษยา ทั้งมานะ ทั้งมัจฉริยะ
เพราะฉะนั้น ผู้ที่รู้จักตัวเอง แม้พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี ก็ยังละมานะไม่ได้ แต่มานะก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรเจริญ ถ้าผู้ใดรู้สึกตัวว่า มีความสำคัญตน แล้วรู้ว่าเป็นกิเลส เป็นอกุศล ท่านคงต้องการที่จะละ เพราะฉะนั้น สติมีประโยชน์มากที่ทำให้รู้ว่า มีกิเลสมากน้อยเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นไปในทางกาย หรือว่าทางวาจา หรือว่าเพียงเกิดกับใจเท่านั้น คนอื่นไม่สามารถจะรู้ได้เลย และท่านที่ขัดเกลากิเลสอยู่เรื่อยๆ โลภะอาจจะน้อยลง โทสะอาจจะเบาบาง ริษยาก็น้อย มัจฉริยะก็คงจะเบาบาง แต่แม้มานะ เพียงความสำคัญตน ท่านที่ประสงค์จะละกิเลสให้หมดเป็นสมุจเฉท ไม่ต้องการจะเก็บสิ่งที่เป็นอกุศล หรือเป็นกิเลสทั้งหลายไว้ เมื่อมีทางใดที่ละ ขัดเกลากิเลสได้ ท่านไม่เว้น เพราะฉะนั้น ในชาตินั้นพระโพธิสัตว์จึงรักษาอุโบสถ เพราะมีสติรู้ว่า ท่านมีมานะ ดังข้อความที่ว่า
ถึงแม้ว่าพระปัจเจกพุทธเจ้า จะได้นั่งอยู่ในอาศรมของท่าน และได้บอกถึงนาม ถึงโคตร ถึงจรณะ ถึงที่มา ถึงที่ไป แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้ถามถึงนามและโคตรของท่านเลย
พระโพธิสัตว์รู้ตัวว่า มีมานะที่ไม่ถาม แต่คนอื่นอาจไม่ได้สังเกตจิตใจของตนเอง ถ้าสังเกต ก็อาจจะเจริญกุศลทุกๆ ประการเพิ่มขึ้น
ที่มา ...