ภาวรูป รู้ได้ทางใจหรือทางตา


        ผู้ฟัง คือสงสัยว่า ภาวรูป รู้ได้ทางใจ ยังไม่เข้าใจ คือ เราดูผู้หญิงผู้ชาย เราก็เห็น ใช่ไหมคะว่า นี่รูปร่างผู้หญิง รูปร่างผู้ชาย แต่ในพระไตรปิฎกบอกว่า ภาวรูปรู้ได้ทางใจ ไม่เข้าใจค่ะ

        สุ. ค่ะ ต้องเป็นผู้ที่ตรง คุณหมอเห็นอะไรคะ

        ผู้ฟัง สิ่งที่ปรากฏทางตา

        สุ. เห็นอย่างอื่นได้ไหม

        ผู้ฟัง ไม่ได้

        สุ. เพราะฉะนั้นจะเห็นอิตถีภาวรูปได้ไหม ปุริสภาวรูปได้ไหม ซึ่งซึมซาบอยู่ทั่วตัว ไม่ใช่สีสันวัณณะค่ะ ภาวรูปไม่ใช่สีสันวัณณะ

        ต้องเป็นผู้ตรงไงคะ ผู้ตรง คือ ขณะนี้เห็นอะไร นี่คือผู้ตรง ต้องตรงไปโดยตลอด เพราะฉะนั้นจิตเห็น เห็นอะไรคะ

        ผู้ฟัง ก็เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา

        สุ. เป็นสีสันวัณณะ เป็นธาตุชนิดหนึ่งซึ่งสามารถกระทบจักขุปสาท ปรากฏแล้วก็ดับไป แค่นี้ก็ยังไม่รู้เลย เพิ่งเริ่มที่จะฟังว่า นี่คือปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และต้องตรงว่าเห็นอะไร ไม่ว่าจะเมื่อไร ที่ไหน ก็ต้องเป็นสิ่งที่กระทบจักขุปสาทได้ และปรากฏ

        เมื่อวันก่อนที่สนทนาธรรม ก็มีผู้สงสัยเรื่องรูปพรหมจะเห็นอะไร ทำไมละคะ ก็จิตเห็นเป็นจิตเห็น ไม่ใช่รูปาวจรจิต จิตเห็น เป็นขณะนี้ที่มีสิ่งที่ปรากฏทางตาให้เห็น เกิดเห็นแล้วก็ดับไป จิตเห็นไม่ใช่เป็นรูปพรหมค่ะ จิตเห็นยังคงเป็นกามาวจรจิต เพราะเห็นสิ่งที่เป็นรูปที่ปรากฏ

        เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรม ก็คือว่า ไม่สับสน เข้าใจจริงๆ และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ จะเห็นที่ไหน อย่างไรก็ตาม ไปนึกถึงรูป นกเห็น แมวเห็น คนเห็น เทวดาเห็น ลืมค่ะว่า กำลังมีเห็นซึ่งไม่ใช่รูป แต่เป็นธาตุชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถรู้สิ่งอื่นได้เลย นอกจากเห็นสิ่งที่ปรากฏเท่านั้น ถ้าไม่ศึกษาอย่างนี้ ไม่สามารถละความเป็นตัวตนได้เลย ทุกอย่างยังรวมกัน และเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว โดยไม่เริ่มที่จะฟังว่า ลักษณะของสภาพธรรมแต่ละลักษณะต่างกันไป และเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยด้วย ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้จิตเห็นไปเห็นอิตถีภาวรูปได้ เพราะว่าไม่ใช่สีสันวัณณะ แต่ว่าซึมซาบอยู่ทั่วตัว

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 322


    หมายเลข 12351
    24 ม.ค. 2567