อยู่ในโลกของความฝันว่าเหมือนมีอยู่ตลอดเวลา


        ผู้ฟัง สงสัยการเกิดดับของเวทนา ยกตัวอย่าง มีของหนักๆ ตกลงที่ขา แล้วรู้สึกว่ามันไม่ดับ มีลักษณะเจ็บปวดตลอด

        สุ. เวลานี้สิ่งที่ปรากฏทางตาดับไหมคะ

        ผู้ฟัง ดับค่ะ

        สุ. แล้วพอถึงทางกาย จะไม่ดับ หรือคะ

        ผู้ฟัง สิ่งที่อาจารย์อธิบาย หนูยอมรับได้ และหนูก็เข้าใจ แต่ลักษณะความเจ็บปวดที่เกิดต่อเนื่อง เหมือนกับอยู่นาน

        สุ. และเดี๋ยวนี้สิ่งที่ปรากฏทางตาไม่ต่างกัน หรือคะ

        ผู้ฟัง โดยการศึกษาไม่ต่างกันแน่นอน ขอคำอธิบายมากกว่านี้ได้ไหมคะ

        สุ. ก็เหมือนกัน สภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อเสมือนไม่ดับ ไม่มีอะไรดับเลย สิ่งที่ปรากฏทางตา ก็ปรากฏตลอด แม้ว่าจะมีเสียง มีการได้ยิน ก็ไม่เห็นว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาดับ เพราะฉะนั้นจะไปคิดอะไรกับทุกขเวทนาซึ่งปรากฏ ซึ่งความจริงทุกอย่างที่เกิดต้องดับ เกิดแล้วไม่ดับไม่มี แต่เพราะว่าการเกิดดับสืบต่อยังมีอยู่ ก็ทำให้ปรากฏอยู่ เวลาที่ฝัน ไม่มีสิ่งที่ปรากฏทางตาเลย ใช่ไหมคะ แล้วเวลาที่ตื่นมีสิ่งที่ปรากฏทางตาเกิดดับสืบต่อจนไม่รู้ว่า เกิดดับ เหมือนกับมีอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นทุกอย่างก็เหมือนมีอยู่

        ผู้ฟัง ที่อาจารย์อธิบาย หมายความนิมิตใช่ไหมครับ

        สุ. มิได้ค่ะ สิ่งที่เกิดดับเร็วมากสืบต่อ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ปรากฏเป็นนิมิตของสิ่งที่เกิดดับสืบต่อ ต้องมีสิ่งที่กำลังเกิดดับสืบต่อ จึงมีนิมิตปรากฏให้เห็นเป็นอย่างนี้

        ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นคือสิ่งที่บดบัง

        สุ. สภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อจนกระทั่งปรากฏทางหนึ่งทางใด

        ผู้ฟัง ก็ทำให้เราไม่รู้การเกิดดับ

        สุ. ค่ะ ต้องรู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้นก่อน

        ผู้ฟัง หมายความว่า นิมิตทำให้บดบัง

        สุ. จักขุวิญญาณดับไหมคะ

        ผู้ฟัง ดับครับ

        สุ. สัมปฏิจฉันนะเกิดต่อ ดับไหม สันตีรณะเกิดต่อ ดับไหม ขณะนี้ปรากฏเหมือนจักขุวิญญาณไม่ได้ดับเลย นี่คือวิญญาณนิมิต

        ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นนิมิตก็บดบังการเกิดดับ ใช่ไหมครับ

        สุ. นิมิต หมายความถึงสภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อ จนไม่ปรากฏว่าดับ

        ผู้ฟัง แต่ไม่ได้เป็นสิ่งที่บดบังการเกิดดับ

        สุ. ก็เป็นสภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อกัน จะรู้อันไหนก็ได้ทั้งนั้น ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้ จะเห็นอวิชชาไหมว่า น่าสงสาร อยู่ในโลกของความฝัน แล้วก็คิดว่าเป็นจริงเป็นจัง ทั้งๆ ที่ความจริงก็ไม่มีอะไรเหลือ ทุกอย่างก็เกิดดับ ปรากฏเป็นเพียงนิมิต หลอกให้เข้าใจว่า ยังมีอยู่ทุกอย่าง ความจริงทุกขณะเกิดแล้วดับไปหมด ไม่เหลือเลยสักขณะเดียว ไม่ว่าจะเป็นนามธรรม หรือรูปธรรม แต่ในความคิดความจำ ก็ยังเหมือนมีอยู่ตลอดเวลา

        ผู้ฟัง แต่ผู้ที่ประจักษ์ก็ยังคงเห็นนิมิตเหมือนเรา

        สุ. ในพระไตรปิฎกจะมีข้อความว่า สังขารนิมิต ไม่ว่าจะเป็นรูปนิมิต เวทนานิมิต สัญญานิมิต สังขารขันธ์นิมิต หรือวิญญาณนิมิต ทั้งหมดเกิดดับสืบต่อเร็วมาก สิ่งที่ปรากฏจริงๆ ก็คือนิมิต เหมือนเราดูภาพยนตร์

        ผู้ฟัง ผู้ที่ประจักษ์ก็ยังเห็นเหมือนเดิม ถูกไหมครับ เพียงแต่เข้าใจเรื่องการเกิดดับ

        สุ. ถูกต้องค่ะ ดับความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน

        ผู้ฟัง ท่านอาจารย์ลองอธิบายเพิ่มได้ไหม คือ ตอนนี้ฟังแล้วก็เข้าใจว่า ต้องเข้าใจ ทีนี้ระดับของความเข้าใจ ถ้าประจักษ์ไม่รู้เข้าใจอย่างไร

        สุ. เข้าใจขึ้น มีไหมคะ จากนี่จะกระโดดไปโน่นไม่ได้ เข้าใจขึ้นขั้นฟัง มีไหมคะ

        ผู้ฟัง มีครับ

        สุ. แล้วก็เข้าใจขึ้นอีก ขั้นฟังอีก

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 277


    หมายเลข 12111
    23 ม.ค. 2567