เข้าใจถูกในลักษณะ- คลายความไม่รู้และคลายการยึดถืออัตสัญญา


        อ.ธิดารัตน์ ท่านอาจารย์ได้อธิบายลักษณะของเวทนา และลักษณะของเวทนาก็จะต้องมีนิมิตของเวทนาด้วยใช่ไหมคะ

        สุ. ทั้งหมดเลย

        อ.ธิดารัตน์ ทีนี้เราจะทราบได้อย่างไรว่า ในขณะที่มีลักษณะของเวทนาปรากฏในขณะนั้น ลักษณะที่เป็นปรมัตถธรรมจริงๆ กับนิมิตของเวทนา จะมีความต่างกันไหมคะ

        สุ. ขณะนี้สิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นนิมิต หรือเปล่า

        อ.ธิดารัตน์ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นคน ก็เป็นนิมิตแล้ว

        สุ. หมายความว่า ถ้าไม่มีสิ่งที่ปรากฏทางตา ก็จะไม่มีการเห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย เพราะฉะนั้นถ้านึกถึงว่า สิ่งที่ปรากฏก็มีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ จะเร็วสักแค่ไหน นี่ก็เป็นการยืนยันว่า สิ่งที่ปรากฏเป็นนิมิต เพราะรูปเกิดดับสืบต่อปรากฏ และจิตเห็นก็ต้องมีหลายขณะ แม้ว่าวาระหนึ่งๆ จะมีจิตเห็นเพียง ๑ ขณะ เพราะฉะนั้นการเห็นในขณะนี้ก็หลายวาระนับไม่ถ้วน

        เพราะฉะนั้นสิ่งที่ปรากฏจริงๆ เป็นนิมิตของแต่ละอย่าง นิมิตของรูปทางตา นิมิตของเสียง นิมิตของกลิ่น นิมิตของรส นิมิตของสัญญา นิมิตของจิต นิมิตของทุกอย่างหมด เพราะว่าการเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว

        เพราะฉะนั้นจะให้ใครมีปัญญาไปรู้ลักษณะของสภาพธรรมซึ่งเกิดแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่รู้ลักษณะที่หลงลืมสติกับขณะที่สติเกิด แล้วเวลาที่สติเกิด จะให้ไปคิดอะไร หรือจะให้ค่อยๆ เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่มี โดยไม่ต้องไปกังวลว่า นี่เป็นนิมิต หรือเป็นปรมัตถ์ หรืออันไหนเกิดไปแล้ว หรือว่าอันไหนดับ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ตราบใดที่ยังมีนิมิตของสิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฏ ให้ทราบว่า กว่าจะรู้ความจริงว่า สิ่งนั้นเกิดดับ ก็จะต้องมีความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมซึ่งต่างกันเป็นแต่ละลักษณะ จนกว่าจะคลายความไม่รู้ และคลายการยึดถืออัตสัญญา เพราะว่าสภาพธรรมแต่ละลักษณะเพียงปรากฏแต่ละทาง แล้วก็หมดไป

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 277


    หมายเลข 12110
    23 ม.ค. 2567