ปฏิสนธิจิต


        อ.อรรณพ วิบากจิตที่ทำกิจปฏิสนธิ ทำกิจภวังค์ และจุติ มีทั้งที่เป็นสเหตุกวิบาก และอเหตุกวิบาก สำหรับผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ ก็มีทั้งผู้ที่ปฏิสนธิด้วยเหตุ ๓ เลย คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ คือ เป็นติเหตุกบุคคล เพราะฉะนั้นโดยมหาวิบากจิต ที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย เพราะฉะนั้นมีเหตุ ๓ จึงเป็นบุคคลที่พร้อมที่จะฟังพระธรรม สะสมการฟังธรรมมา และผู้ที่ปฏิสนธิด้วยมหาวิบากที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ก็มี ก็คือประกอบด้วยเหตุ ๒ เท่านั้น ก็คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ แต่ไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย ก็เป็นบุคคลปกติ ไม่ได้บ้าใบ้บอดหนวกอะไร แต่ว่าไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย ก็อาจจะเป็นคนที่ไม่สนใจธรรม หรือไม่สามารถบรรลุรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ในชาตินี้ แต่ก็ศึกษาธรรมได้

        และสำหรับผู้เกิดเป็นมนุษย์ที่บ้าใบ้บอดหนวกโดยกำเนิด อันนั้นแน่นอนว่า จะต้องเป็นผลของกุศลกรรมที่มีกำลังอ่อน จะให้เหมือนผู้ที่ปฏิสนธิที่ประกอบด้วยปัญญา คือ มี ๓ เหตุ หรือ ๒ เหตุไม่ได้

        เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่ได้ปฏิสนธิด้วยมหาวิบากที่ประกอบด้วยปัญญา หรือมหาวิบากที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ก็มี เป็นผลของกุศลกรรมอย่างอ่อน แต่ก็ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ ยังดีกว่าการเกิดในอบายภูมิ เพราะฉะนั้นปฏิสนธิของเขาไม่เป็นมหาวิบาก คือ ไม่ประกอบด้วยเหตุ เป็นอุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก ก็คือสันตีรณจิตที่เวทนาเป็นอุเบกขา ทำกิจปฏิสนธิ เป็นผลของกุศลกรรมอย่างอ่อนที่ทำให้เป็นมนุษย์ ไม่ประกอบด้วยเหตุเลย ที่บ้าใบ้บอดหนวกโดยกำเนิด

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 265


    หมายเลข 12027
    23 ม.ค. 2567