ฟังธรรมเพื่อรู้ว่าเป็นธรรม


        สุ. นี่คือไม่มีใครสามารถจะรู้ความจริงนี้ได้เลย ถ้าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงตรัสรู้ และไม่ทรงแสดง มีใครที่จะรู้ว่า จิตขณะนี้เกิดดับไหมคะ คิดได้ไหมคะ

        ธนกร คิดได้ แต่ไม่สามารถที่จะรู้ได้

        สุ. คิดเองได้ไหม คิดเองก็ไม่ได้ เพราะว่าส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า มีจิตตอนขณะเกิด แล้วก็ดับขณะตาย ไม่รู้เลยว่า ตามความเป็นจริงแล้วสภาพธรรมที่เกิดไม่เที่ยง ทันทีที่เกิดสั้นมากแล้วก็ดับไป แล้วก็ไม่มีคุณธนกรด้วย สุข ทุกข์ ก็คือสภาพธรรมที่มีจริง เป็นจิต และเจตสิกที่เกิดดับ อยากให้สุขเกิดตลอดใช่ไหมคะ จะหลีกเลี่ยงความทุกข์

        ธนกร ถ้าสุขแล้วก็เหมือนกับทุกข์

        สุ. เกิดแล้วก็หมดไป ชั่วคราว

        ธนกร แต่อย่างไรก็คงต้องศึกษาว่า อย่างไร ...

        สุ. เราจะไม่รู้จักชีวิตโดยละเอียดเลยถ้าไม่ได้ศึกษาธรรม เราก็พูดสับสน เช่น เราไม่ชอบความติดข้อง แต่เราชอบสนุก

        ธนกร เราก็พยายามหลีกหนีค่ะ

        สุ. หลีกทำไมคะ ตรงตามความเป็นจริง หลีกเป็นเราหลีกโดยไม่รู้ความจริง

        ธนกร เพราะเราไม่อยากติดข้อง

        สุ. เพราะมีเราค่ะ ก่อนได้ฟังธรรม ชอบติดข้องไหมคะ

        ธนกร ชอบค่ะ

        สุ. แต่พอฟังธรรม เป็นเราไม่ชอบ แล้วเราอยากหลีก แต่ไม่รู้ว่า เป็นธรรม

        นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ฟังธรรมเพื่อรู้ว่าเป็นธรรม เพื่อเข้าใจธรรมยิ่งขึ้น จนกระทั่งถึงการรู้ว่า ไม่ใช่เราจริงๆ

        ขณะนี้กำลังเห็น จะหลีกอะไร หรือจะเข้าใจอะไร

        ธนกร ต้องเข้าใจ

        สุ. หลีกไม่ได้ เกิดแล้ว เห็นแล้ว ดับแล้ว

        ธนกร ในชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นลักษณะของโลภะ หรือลักษณะของอกุศลก็ตาม เราก็ไม่ควรหลีก แต่ให้รู้ลักษณะเท่านั้น

        สุ. เป็นธรรมค่ะ อันนี้ต้องไม่ลืม ฟังธรรม เพื่อเห็นถูก เข้าใจถูกว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา มิฉะนั้นการฟังธรรมจะไม่มีประโยชน์เลย ฟังไปก็เป็นเราหมด เรามีโทสะ เป็นเรา เรามีสุข เป็นเรา แต่ไม่ได้รู้ว่า เป็นธรรม

        เพราะฉะนั้นคงไม่ลืม ฟังธรรมเพื่อรู้ว่าเป็นธรรม แล้วเข้าใจธรรมยิ่งขึ้น จนกระทั่งหมดความยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน เป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละอย่าง ซึ่งเกิดแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็วทั้งนามธรรม และรูปธรรม

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 249


    หมายเลข 11887
    10 ม.ค. 2567