จิตเกิดขึ้นทำกิจเฉพาะแต่ละขณะแล้วดับเป็นเราหรือ


        สุ. ขณะกำลังเห็น เป็นธรรมหรือเป็นเรา

        ธนกร เป็นธรรมค่ะ

        สุ. เราไม่มีแล้ว ความเข้าใจขั้นฟังไม่พอค่ะ พระผู้มีพระภาคไม่ได้เพียงแต่พิจารณาไตร่ตรองแล้วก็คิดเรื่องสิ่งที่ปรากฏ แล้วก็พูดเรื่องราวของสิ่งที่ปรากฏ นั่นไม่ใช่สัมมาสัมพุทโธ พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประจักษ์แจ้งลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ตามความเป็นจริง โดยละเอียดยิ่งทุกประการ ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะเปรียบปานพระองค์ได้เลย

        เพราะฉะนั้นเวลาที่ได้ยินได้ฟัง เริ่มเข้าใจถูกว่า สิ่งที่ได้ยินได้ฟัง คนอื่นจะกล่าว จะบอกตามความเป็นจริงอย่างนี้ได้ไหมว่า ทุกอย่างที่กำลังปรากฏ จริง มีจริง แต่ว่าไม่ใช่ของใคร และไม่ใช่ใคร แต่เป็นธรรมแต่ละอย่าง มีลักษณะเฉพาะอย่างๆ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เห็น จะได้ยินด้วยไม่ได้เลย เพราะว่าแต่ละคนคือจิตที่มีปัจจัยเกิดขึ้น ๑ ขณะเท่านั้น ทีละ ๑ ขณะ แล้วก็ดับไป ทำไมไม่มีจิตเกิดพร้อมกัน ๒ ขณะ น่าคิดใช่ไหมคะ หรือ ๓ ขณะ ๔ ขณะ ทั้งเห็น ทั้งได้ยิน ทั้งคิดนึก เป็นไปไม่ได้เลย เพราะเหตุว่านามธาตุ คือ จิต เป็นสภาพซึ่งเมื่อมีปัจจัยเกิดขึ้นแล้วทำกิจของจิตนั้นๆ เพราะว่าสภาพธรรมขณะนี้กำลังทำกิจอยู่แต่ละขณะจิต ไม่ใช่เราเลยสักขณะเดียว แต่เป็นสภาพของจิตที่เกิดขึ้นทำกิจเฉพาะแต่ละขณะ เมื่อเกิดขึ้นทำกิจของจิตนั้นแล้วก็ดับไป จิตทุกขณะ เว้นจุติจิตของพระอรหันต์ เป็นอนันตรปัจจัย จะใช้คำว่า เป็นปัจจัย ก็ได้ หมายความว่า เป็นธรรมที่ทำให้เมื่อจิตนั้นปราศ หรือดับไปแล้ว จิตเจตสิกขณะต่อไปต้องเกิดสืบต่อ โดยไม่มีระหว่างคั่นเลย ซึ่งก็เป็นความจริง ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งถึงขณะนี้ ว่างเว้นจิตสักขณะหนึ่งหรือเปล่า

        ธนกร ไม่ว่างเลย

        สุ. ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขณะไหนทั้งสิ้น เห็นแล้วก็ได้ยิน แล้วก็คิดนึก แล้วก็ได้กลิ่น แล้วก็ลิ้มรส แล้วก็คิดนึก แล้วก็ชอบไม่ชอบ ทั้งหมดนี้คือจิตแต่ละขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้นเมื่อจิตนี้เกิดเป็นปัจจัยที่จะทำให้เมื่อจิตนี้ดับแล้ว จิตอื่นต้องเกิดสืบต่อ จึงไม่สามารถมีจิตซึ่งเกิดพร้อมกัน ๒ ขณะได้ โดยที่จิต ๑ ขณะนี้ต้องดับไปก่อน แล้วจิตต่อไปจึงจะเกิดขึ้นสืบต่อได้ ถ้าตราบใดที่จิตนี้ยังไม่ดับไป จิตอื่นจะเกิดไม่ได้เลย

        ด้วยเหตุนี้ชีวิตประจำวัน ทุกภพทุกชาติ จิตจะเกิดขึ้นพร้อมเจตสิก และก็ดับไปพร้อมกัน เมื่อจิตเจตสิกดับไปแล้วก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดพร้อมเจตสิกประเภทที่สมควรแก่จิตนั้นๆ

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 249


    หมายเลข 11877
    10 ม.ค. 2567