เข้าใจในขณะนี้ว่ามีสิ่งที่เกิด


        เมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กำลังกระทบทางทวารหนึ่งทวารใด เช่น เสียง ขณะนี้เสียงเกิดแล้ว จึงกระทบ ถ้าเสียงยังไม่เกิด เสียงกระทบไม่ได้ และโสตปสาทรูปก็เป็นรูป เราไปคิดถึงรูปทั้งตัวเลยตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า นั่นไม่ใช่ศึกษาธรรม

        ถ้าศึกษาธรรม ศึกษาเรื่องจิต ก็เป็นจิต ศึกษาเรื่องเจตสิก ก็เป็นนามธรรมที่เกิดกับจิต ศึกษาเรื่องรูป ก็เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่สภาพรู้ และมีสมุฏฐานที่จะให้เกิด ถ้าจะศึกษาละเอียดต่อไป ก็จะทราบว่า มีกรรมเป็นสมุฏฐาน หรือมีจิตเป็นสมุฏฐาน มีอุตุเป็นสมุฏฐาน หรือมีอาหารเป็นสมุฏฐาน แต่การศึกษาธรรม ต้องตามลำดับ คือ ต้องมีการพิจารณาเข้าใจจริงๆ ว่า สิ่งที่กำลังอ่านหรือได้ยินได้ฟังเป็นเรื่องอะไร เป็นเรื่องสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ซึ่งรูปธรรมไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย และนามธรรมเป็นสภาพที่เมื่อเกิดขึ้นต้องรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด เกิดแล้วดับไป

        เพราะฉะนั้นก่อนได้ยินเกิด ต้องมีจิตแน่นอน ต้นไม้ไม่มีจิต ต้นไม้ไม่มีทางที่จะได้ยินอะไรได้เลย โต๊ะ เก้าอี้ไม่มีจิต ก็ไม่มีทางที่จะได้ยินอะไรได้เลย แต่จิตเป็นสภาพรู้ ตั้งแต่นานแสนนานมาแล้ว ซึ่งไม่มีใครที่จะไปรู้ว่า จิตขณะแรกเกิดเมื่อไร ตามไปตลอด กี่อสงไขยแสนกัป ก็ไม่สามารถเป็นวิสัยที่จะรู้ได้ แต่ถ้าสามารถเข้าใจขณะนี้ได้ว่า ขณะนี้มีสิ่งที่เกิด และสิ่งที่เกิดต้องมีปัจจัยทำให้เกิดขึ้น เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 246


    หมายเลข 11833
    10 ม.ค. 2567