การอบรมเจริญเหตุที่จะให้เป็นสัญญาความจำที่มั่นคง


        ผู้ถาม ดิฉันมีความสงสัยว่าระลึกรู้ทันทีก็ระลึกไม่ได้ถ้าเราไม่มีการสะสมสัญญาที่มั่นคงเอาไว้ หรือว่าไม่มีการไปตามขั้นตอนของการระลึกรู้ลักษณะซึ่งยังไม่ใช่สติปัฏฐาน

        สุ. ตอนที่จำได้ว่าเป็นคนเป็นสัตว์ ต้องไปทำอะไรหรือเปล่า ต้องไปทำให้มั่นคงว่าเป็นคน เป็นสัตว์หรือเปล่า

        ผู้ถาม อันนั้นก็สะสม

        สุ. เพราะฉะนั้นการสะสมก็ทำให้เราสามารถที่จะรู้ได้ว่าธรรมทั้ง หลายเป็นอนัตตา การฟังธรรมเพื่อที่จะให้เข้าใจถูกในความเป็นธรรม สัญญาก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ถ้าพูดถึงทางฝ่ายอกุศลก็คงไม่มีใครอยากจะไปทำให้มั่นคง เพราะว่าจำอยู่แล้วด้วยความไม่รู้ว่าเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นวัตถุสิ่งต่างๆ เป็นอัตตสัญญา แต่ว่าการที่จะให้มีความจำที่ถูก พร้อมกับความเข้าใจที่ถูกว่าขณะนี้เป็นธรรม มั่นคงหรือยังๆ นะคะ ไม่ต้องไปคิดถึงการจะไปทำอะไรเลย ฟังเข้าใจขึ้นอีก ขณะที่เข้าใจ สัญญาเจตสิกก็เกิดพร้อมกับความเข้าใจในขณะนั้น จึงทำให้สามารถที่จะเข้าใจต่อไปได้อีก

        ผู้ถาม การเข้าใจนั้นก็ต้องไปทีละนิดๆ

        สุ. ถูกต้อง จิตเกิดขึ้นทีละหนึ่งขณะ เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่าถ้าไม่มีการฟัง หรือว่าขณะที่ฟังไม่มีความเข้าใจเพียงพอ สัญญาก็ไม่มั่นคงเลย เช่น ในขณะนี้ สัญญามั่นคงที่จะรู้สิ่งที่ปรากฏเป็นธรรม ฟังไม่ทราบว่านานเท่าไหร่ แต่ว่ามีความเข้าใจว่าขณะนี้เป็นธรรม ทำให้สามารถที่จะมีการระลึกได้ แต่ว่าไม่ใช่มีการกะเกณฑ์ว่าเมื่อไหร่ ขณะไหน มากน้อยเท่าไหร่ แต่ต้องอาศัยความเข้าใจนั่นเองที่ทำให้สามารถที่จะระลึกได้ว่าขณะนี้ก็เป็นลักษณะของสภาพธรรมอย่างหนึ่ง จะขั้นไหนก็ตามแต่

        ผู้ถาม ดิฉันรู้สึกยังไกลที่จะระลึกทันทีในขณะนั้นได้ถ้าไม่เริ่มต้นทีละเล็กทีละน้อยอย่างนี้ก่อน

        สุ. การที่มีคำว่า “ระลึกทันที” ไม่ได้หมายความว่าเป็นคำสั่ง แต่เป็นการที่จะให้รู้ว่าขณะนี้มีสภาพธรรมปรากฏ ถ้าสติไม่เกิดระลึกทันที สิ่งนั้นก็ดับไปแล้วหมดไปเรื่อยๆ ทุกขณะ เพราะฉะนั้นลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดขึ้น มีเหตุปัจจัยเท่านั้นจึงจะเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยที่จะเกิดก็เกิดไม่ได้ แม้แต่การระลึกทันทีก็ต้องมีเหตุปัจจัย เพราะเหตุว่ามีความเข้าใจที่มั่นคงที่เข้าใจว่าขณะนี้เป็นธรรม ด้วยเหตุนี้แต่ละคนที่ได้ฟัง จึงเป็นผู้ที่รู้จักตนเองตามความเป็นจริงว่ามีความมั่นคงที่เข้าใจว่าขณะนี้เป็นธรรมแค่ไหน หรือว่าต้องอาศัยการฟังอีก เพราะฉะนั้นประโยชน์ของการฟัง ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ขณะไหน คือเข้าใจสิ่งที่ได้ฟัง อันนี้สำคัญที่สุด ถ้ามีการฟังแล้วไปคิดถึงอย่างอื่น จะไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังฟัง เพราะฉะนั้นประโยชน์ของการฟังคือเมื่อฟังสิ่งใด พิจารณาแล้วเข้าใจสิ่งที่กำลังฟัง ถ้าเข้าใจสิ่งที่กำลังฟังจะทำให้เมื่อได้ยินอีกก็เข้าใจขึ้น เพราะเหตุว่าขณะที่กำลังฟัง กำลังเข้าใจสิ่งที่ได้ฟัง ได้ฟังอีกก็เข้าใจสิ่งที่ได้ฟังนั้นแหละอีก ได้ฟังอีกก็เข้าใจสิ่งที่ได้ฟังนั้นแหละอีก นี่คือการอบรมเจริญเหตุที่จะให้เป็นสัญญาความจำที่มั่นคง

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 236


    หมายเลข 11621
    23 ม.ค. 2567