ขณะใดที่สติปัฏฐานยังไม่เกิดเหมือนอยู่ในความฝัน


        สุ. แต่เรื่องราวจำไว้มั่นคง ไม่ได้เริ่มรู้ลักษณะที่เป็นอนัตตาของสภาพธรรมแต่ละอย่างที่จะค่อยๆ ละอัตตสัญญาเพราะรู้ว่าจริงๆ แล้วไม่มีอัตตาเลย มีแต่สภาพธรรม เพราะฉะนั้นขณะใดที่สติปัฏฐานยังไม่เกิด เหมือนอยู่กับความฝันหรืออยู่ในความฝัน หรือกำลังฝันอยู่หรือเปล่า ฝันสุข ฝันทุกข์ เป็นเรื่องหมด แต่ลักษณะจริงๆ ของสภาพธรรมซึ่งเกิดดับเป็นทุกข์จริงๆ ไม่ได้รู้เลย แต่ว่าเป็นเพียงเรื่องที่เหมือนฝันตลอด ฝันว่ามีพี่มีน้อง วันนี้ทำอะไรบ้าง เมื่อวานนี้ทำอะไรบ้าง หมดไปแล้ว ก็ยังจำไม่ได้ เหมือนสิ่งที่จำได้ในความฝัน

        ผู้ถาม อย่างนี้แสดงว่าในชีวิตประจำวันก็เป็นสิ่งที่เป็นจริงแต่ก็ไม่จริงใช่ไหมคะ

        สุ. เป็นสมมุติจากสิ่งที่มีจริงเพราะว่าเวลาที่มีการเห็นแล้ว สัญญาจำ และสัญญาจำทุกอย่างเพราะเกิดกับจิตทุกขณะ ทุกทวาร เพราะฉะนั้นสัญญาก็จำหมดเลย รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ จำได้ไหม เวลาเห็น นั่นแหละคือลักษณะของสัญญาแต่ละภาษา แต่ละคำ จำความหมายได้ไหม จำลักษณะของเสียงได้ด้วย นั่นก็คือสัญญา เพราะฉะนั้นก็จำเรื่องทั้งหมด แต่ว่าตัวจริงๆ ของธรรมไม่เคยจำว่าเป็นเพียงสภาพธรรมแต่ละลักษณะ เพราะฉะนั้นกว่าจะรู้ว่าที่แล้วๆ มามีแต่อัตตสัญญา เพราะว่าไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่เกิดดับแต่ละอย่าง ไม่ใช่ให้เลือก ไม่ใช่ให้จงใจ ขณะนี้ทั้งหมดเป็นธรรมที่มีลักษณะจริงๆ ปรากฏแต่ละทาง เพราะฉะนั้นเมื่อมีปัญญาจากขั้นการฟังก็จะทำให้เกิดรู้ลักษณะนั้นที่กำลังมีจริงๆ อย่างแข็ง ปกติพอแข็งปรากฏแล้วก็เป็นช้อนส้อม เป็นถ้วยชาม เป็นจับแขนเพื่อนอะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จำไว้ แต่ว่าถ้าจะรู้ตรงลักษณะ และมีความเข้าใจถูกว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งซึ่งจะปรากฏทุกชาติที่มีกายปสาท

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 232


    หมายเลข 11512
    23 ม.ค. 2567