ต้านภัยความไม่รู้


    ภัยที่แท้จริงก็คือความไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง จึงถูกลวงว่ามีสัตว์บุคคล สิ่งต่างๆ จริงๆ เพราะสภาพธรรมเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงควรสะสมความเข้าใจถูกตั้งแต่ขั้นการฟังว่าเป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างที่ไม่ใช่เรา


    อ.คำปั่น ขณะนี้กำลังต้านภัยอะไรอยู่หรือไม่

    อ.อรรณพ การฟังธรรมก็ไม่มีแต่นักศึกษา นักเรียนรุ่นเล็กก็มี ขอเชิญน้องอะไรครับ

    ผู้ฟัง น้องเคน

    อ.อรรณพ น้องเคน เชิญครับ

    ผู้ฟัง ตอนนี้กำลังต้านภัยความไม่รู้อยู่

    อ.คำปั่น เก่งมาก เก่งมาก

    อ.อรรณพ ที่ไม่รู้ว่า ไม่รู้อะไร

    ผู้ฟัง ไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆ คืออะไร อย่างไรพวกนี้

    อ.อรรณพ น้องเคนเคยฟังธรรม มาบ้างแล้วใช่หรือไม่

    ผู้ฟัง ก็ไม่ค่อยมากเท่าไร

    อ.อรรณพ ก็ไม่ค่อยมาเท่าไร แล้วทำไมถึงสนใจฟังธรรม

    ผู้ฟัง เพราะว่าธรรมเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับผม

    อ.อรรณพ คงจะต้องมีเสียงปรบมือไปทุกประโยคที่น้องเคนพูด เพราะว่าทุกคนก็แช่มชื่น ที่ว่าเห็นการสะสมมาที่จะได้มาพัง

    ท่านอาจารย์ ที่ฟังมาแล้วบ้าง ฟังอะไรบ้าง ลองเล่าให้ฟังหน่อย

    ผู้ฟัง กำลังฟังตอนแรกคือ เราฟังความว่างเปล่า อะไรพวกนี้ แล้วตอนที่สอง แล้วก็ฟังว่าวิธีแก้ความทุกข์อะไรอย่างนี้

    อ.อรรณพ สักครู่ที่เขาคุยกันใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ แต่ก่อนนั้นเคยฟังมาก่อนหรือไม่

    ผู้ฟัง ไม่เคย

    ท่านอาจารย์ ไม่เคยฟังเลย ใช่หรือไม่

    ผู้ฟัง ใช่

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นฟังแล้วรู้ด้วย ว่าตอนแรกพูดเรื่องอะไร และต่อไปพูดเรื่องอะไร แล้วเวลาถาม ตอบได้ด้วย หมายความว่าไม่ได้ง่วง แล้วไม่ได้หลับ และก็ตั้งใจฟังจริงๆ และก็เข้าใจด้วย ตอนนี้อยากรู้เรื่องอะไรไหม

    ผู้ฟัง ตอนนี้ยังตั้งคำถามไม่ได้

    ท่านอาจารย์ ฟังก่อนใช่ไหม มีเรื่องเยอะที่ต้องฟัง ยืนอยู่นี่ มีหรือไม่ มีเห็นหรือไม่

    ผู้ฟัง มี

    ท่านอาจารย์ มีได้ยินไหม

    ผู้ฟัง ได้ยิน

    ท่านอาจารย์ เห็นได้ยินไหม

    ผู้ฟัง ไม่

    ท่านอาจารย์ เห็นเป็นเราหรือไม่

    ผู้ฟัง ไม่

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นกำลังฟังเรื่องสิ่งที่มีจริง ซึ่งเกิดแล้วก็หมดไป แล้วก็ไม่เหลือ และก็ไม่เป็นของใครเลย แต่จำไว้ตั้งแต่นานแสนนานมาแล้ว ในสิ่งที่รวมกัน ไม่ได้แยกออกไปเป็นแต่ละหนึ่ง จึงลวงให้เห็น เหมือนนายมายากล นักเล่นกลเขาเล่นเก่ง ทำเหมือนกับว่ามีสิ่งต่างๆ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เพราะความเร็ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เพียงกระทบตาปรากฏ และดับเร็วมากต่อๆ กัน ก็ปรากฏเป็นคน คิ้ว ตา จมูก ปาก ลองคิดดู ในห้องนี้มีหลายคนไหม

    ผู้ฟัง มี

    ท่านอาจารย์ พอเห็นรู้ได้ทันที่ใช่ไหม ว่าใครเป็นใคร หรือต้องคิดนาน คำถาม พอเห็นแล้ว รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นใคร หรือว่าต้องคิดนานจึงจะรู้ เห็นไหม ธรรมต้องไตร่ตรอง ไม่ใช่ตอบ แต่ต้องคิด เห็นแล้วเวลานี้ รู้ทันที พอเห็นก็รู้เลยว่าใครเป็นใคร หรือว่าเห็นแล้ว ต้องคิดนานกว่าจะรู้ว่าใครเป็นใคร

    ผู้ฟัง ต้องคิดนนาน กว่าจะรู้ว่าใครเป็นใคร

    ท่านอาจารย์ มีสองอย่าง ถ้าเป็นคนคุ้นเคย เห็นแล้วไม่ต้องคิด เหมือนจำเลย แต่ความจริงขณะนั้นคิดแล้วโดยไม่รู้ เพราะถ้าไม่คิดจะมีแต่เห็น นี่เป็นสิ่งที่ค่อยๆ ฟังสิ่งที่เหมือนเหลือวิสัย ที่จะเป็นอย่างนั้น แต่ความจริงเป็นอย่างนั้น แต่ละหนึ่งขณะ ที่แสนที่จะละเอียดลึกซึ้งมาก แยกย่อยอย่างไรก็ต้องไปถึงขณะซึ่งเร็วมาก เกินกว่าที่เราจะประมาณได้ เพราะฉะนั้นค่อยๆ ฟังค่อยๆ เข้าใจ ว่าแท้ที่จริงแล้วลองคิดให้ดี ว่าได้ยิน ก่อนได้ยิน มีได้ยินหรือไม่ ก่อนได้ยินจะเกิดขึ้น ไม่มีได้ยิน เงียบใช่ไหม แล้วมีเสียงปรากฏ เพราะได้ยิน แล้วหายไปแล้ว ทั้งได้ยิน ทั้งเสียง เหมือนคนเล่นกลไหม

    ผู้ฟัง เหมือน

    ท่านอาจารย์ มีสิ่งอื่นเกิดสืบต่อ เพราะฉะนั้นทุกอย่าง เพราะสืบต่ออย่างเร็วมาก จึงเหมือนกับว่ายังอยู่ ยังเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่ความจริงให้เข้าใจก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดดับ เร็วสุดที่จะประมาณได้ นี่เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อละการเข้าใจผิดว่า ยังมีสิ่งที่เที่ยง และก็เป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เข้าใจหรือไม่ ฟังต่อไหม


    หมายเลข 10958
    1 เม.ย. 2567