ชั่วช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น
ท่านอาจารย์ ประโยชน์ของข้อความที่ว่า สติปัฏฐานเกิดแม้เพียงชั่วช้างกระดิกหู หรือไก่ปรบปีก หรืองูแลบลิ้น ที่กล่าวอุปมาไว้เปรียบเทียบแสดงไว้ว่า เร็วแค่ไหน ก็มีประโยชน์มาก เพราะเหตุว่าถ้าไม่เคยเกิดเลย ก็ยังเกิดได้ แม้สั้นมาก เร็วมาก ๑ ขณะ หรือน้ำหยดหนึ่งที่จะลงตุ่มจนกว่าจะเต็ม ทีละ ๑ หยด นานๆครั้งหนึ่ง ก็ยังเต็มได้ เพราะฉะนั้นแม้เพียงขณะสั้นๆ ต่อไปเราก็จะคุ้นเคย จะค่อยๆรู้ว่า นี่คือขณะที่กำลังเริ่มรู้ลักษณะแท้จริงของสภาพธรรมที่เราเรียนมา ฟังมา นานแสนนาน แต่ประโยชน์ก็อยู่ตรงที่ระลึกลักษณะนั้นเพื่อที่จะรู้จริงๆ ว่าความจริงเป็นไปตามที่ได้เรียนมา ประโยชน์สูงสุดอยู่ตรงนี้
พระศุภกร ข้ออุปมาอันนี้จะเอาไปใช้กับการเจริญสมถภาวนาได้ไหม อย่างที่พระพุทธเจ้าอุปมาว่า แม้จะเร็วเหมือนกับงูแลบลิ้น ไก่ปรบปีก ที่เรากล่าวนี้เป็นกุศลเรื่องการเจริญสติปัฏฐาน แต่อุปมาอันนี้ที่มีคนเอาไปเปรียบกับการเจริญสมาธิ จะสมควรไหม
ท่านอาจารย์
เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ว่า กุศลน้อยมาก แค่นิดเดียว แล้วอกุศลก็เยอะแยะ ผู้ที่มีปัญญาก็อบรมโดยการที่แม้ขณะนั้นไม่มีวัตถุที่จะให้ทาน หรือที่จะวิรัติทุจริต แต่ก็ยังมีการให้กุศลจิตเกิดบ่อยๆ เนืองๆ จนกระทั่งสงบขึ้น อันนั้นก็ยังไม่เป็นผู้รู้หนทาง แต่ถ้าเป็นผู้รู้หนทางแล้ว ก็จะเห็นว่าต่างกัน เพราะว่าแม้สติปัฏฐานจะเกิดน้อย แต่ก็ยังเป็นหนทางที่ทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรมได้
พระศุภกร ความสำคัญก็คือ ขอให้เป็นสัมมามรรค จะน้อยจะมากอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับเป็นสัมมามรรคหรือเปล่า
ท่านอาจารย์
วรศักดิ์ ครับผม ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น เพราะทำอะไรก็ไม่ได้เลย
ท่านอาจารย์