อัศจรรย์พระพุทธศาสนา


        ความอัศจรรย์ของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ เป็นไปเพื่อความเข้าใจความจริงว่า เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง ไม่มี สัตว์บุคคล ตัวตน อะไรเลย จึงควรศึกษาตั้งแต่ในขั้นการฟัง ให้ค่อยๆ เข้าใจ ทีละเล็กละน้อย


        อ.อรรณพ พระพุทธศาสนาเป็นของอัศจรรย์ ที่บุคคลทั้งหลายประกาศแล้วกระพือแล้วอย่างนี้ ย่อมถือสิ่งที่ควรเท่านั้น ละทิ้งในสิ่งที่ไม่ควร จากฑีฆนิกาย กราบเรียนท่านอาจารย์

        ท่านอาจารย์ นี่ใครคะ

        อ.อรรณพ เคยจำว่าเป็นตัวเรา

        ท่านอาจารย์ ละทิ้งได้ไหม

        อ.อรรณพ ละทิ้งไม่ได้ครับ เพราะว่ายังจำว่าเป็นเรา

        ท่านอาจารย์ จากเป็นคุณอรรณพ เป็นสิ่งที่เพียงปรากฏเท่านั้นเอง ให้เห็น

        อ.อรรณพ ย่อมถือสิ่งที่ควร

        ท่านอาจารย์ เคยเป็นคุณอรรณพ ยังคงเป็นคุณอรรณพต่อไป หรือว่าเป็นสิ่งที่เพียงปรากฏ ไม่มีคุณอรรณพ

        อ.อรรณพ ละทิ้งในสิ่งที่ไม่ควร ก็คือละทิ้งในความยึดถือว่าเป็นตัวเรา

        ท่านอาจารย์ โต๊ะ เก้าอี้ อะไรทุกอย่างหมด ไม่อย่างนั้นจะไม่รู้จักพระปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เห็นพระปัญญาคุณ กว่าจะรู้อย่างนี้ คิดดูบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ ไม่ใช่เพียงเพื่อพระองค์ผู้เดียว เพื่อคนอื่นเพื่อเราที่กำลังได้ฟังทุกคำนี้ด้วย เพราะฉะนั้นต้องไตร่ตรอง ใช่ไหม แม้ประโยคสั้นๆ แค่นี้ ละหรือเปล่า ขณะที่เห็นคุณอรรณพ

        อ.อรรณพ เมื่อเข้าใจแล้ว ทิ้งความคิดว่าเป็นสัตว์ บุคคล ทุกอย่างทั้งปวงหมดเลย ใช่ไหมครับท่านอาจารย์

        ท่านอาจารย์ ตามระดับขั้น เช่นขั้นฟัง ต้องเข้าใจ ว่าไม่ใช่ทำอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่กำลังเผชิญหน้าเดี๋ยวนี้ไม่รู้ ฟังจนกว่าจะรู้ทีละเล็กทีละน้อย

        อ.อรรณพ พระพุทธศาสนา อัศจรรย์ขั้นฟัง แค่ไหน

        ท่านอาจารย์ คุณอรรณพรู้ไหมว่า ไม่มีคุณสุพิชา

        อ.อรรณพ รู้โดยฟัง

        ท่านอาจารย์ นี่ไงอัศจรรย์ไหม แม้แต่เพียงคำว่าไม่มีเรา อัศจรรย์ไหม

        อ.อรรณพ อัศจรรย์ เพราะว่าไม่มีการที่จะได้ยิน ได้ฟังคำอย่างนี้มาก่อน

        ท่านอาจารย์ ข้อความในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นพระพุทธพจน์ แค่นี้แต่ความคิด ความไตร่ตรอง ความเข้าใจของเราต้องแค่ไหน เพราะฉะนั้นพระไตรปิฎกหรือข้อความในพระไตรปิฎก ไม่ใช่เพียงสำหรับอ่าน แล้วก็เอาไปพูดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะเป็นความเข้าใจของตัวเอง ซึ่งไม่ได้ไตร่ตรองละเอียดรอบคอบลึกซึ้ง

        เพราะฉะนั้นแต่ละคำ รู้ว่าระดับความลึกซึ้ง ความปลาบปลื้ม ความเข้าใจแค่ไหน จากแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ารู้ว่าขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏทางตา และความจริงก็กำลังเป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นว่า มี มีจริงๆ เป็นธรรมแต่ไม่ใช่ใครเลยทั้งสิ้น เข้าใจอย่างนี้แล้วจะไปทำอย่างอื่นไหม นอกจากรู้ว่าต้องรู้อย่างนี้ ไม่ใช่ผิดจากนี้ เป็นปกติอย่างนี้ จึงจะเป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัส เพราะได้ทรงประจักษ์แจ้ง มิเช่นนั้นจะไม่ตรัสอย่างนี้เลย

        อ.อรรณพ เพราะฉะนั้นถ้ามีการสอนกัน คำสอนก็หลากหลายต่างกัน แล้วก็บอกว่าเราก็เลือกเอาส่วนที่เขาพูดถูกอย่างนี้ ก็คือเหมือนว่าเลือกเอาสิ่งที่ควรที่ปนกับสิ่งที่ไม่ควร

        ท่านอาจารย์ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีผิดไหม

        อ.อรรณพ ไม่มีผิดครับ

        ท่านอาจารย์ แล้วคำของคนอื่นหล่ะ

        อ.อรรณพ ถ้าปัญญาไม่รู้ก็คิดว่าเหมือนกัน

        ท่านอาจารย์ คำของคนอื่นไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม

        อ.อรรณพ ใช่ครับ

        ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นคำจริง คำที่ถูกต้องก็มีบุคคลเดียว คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นการสนทนาธรรมเป็นมงคล นำความสุขความเจริญมาให้ ตั้งแต่เริ่ม ไม่คบคนพาล จนกระทั่งนำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ตั้งแต่มงคลข้อแรกจนถึงข้อสุดท้าย


    หมายเลข 11560
    23 ก.พ. 2567