อยากตาย

 
phao
วันที่  5 ม.ค. 2551
หมายเลข  6872
อ่าน  1,989

อยากตายแต่กลัวตายทั้งๆ ที่มีความเชื่อ มีความตายทุกๆ ขณะเบี่อหน่ายกับความทุกข์ๆ ช่วยตอบที


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
devout
วันที่ 5 ม.ค. 2551

อยากไปก็เท่านั้น... ถ้ายังไม่ถึงเวลาตาย ทำยังไงก็ไม่ตายหรอกค่ะ จุติจิตจะเกิดได้ ก็ต้องมีเหตุปัจจัย แล้วตายไปก็ใช่ว่าความทุกข์จะหมด เกิดใหม่ ความทุกข์อาจจะมากกว่าเก่าด้วยซ้ำ เมื่อชาตินี้ ท่านได้เกิดเป็นมนุษย์ และได้พบพระพุทธศาสนา จงใช้โอกาสอันประเสริฐนี้ อบรมเจริญปัญญา สะสมต่อไปในทุกๆ ชาติ เพื่อที่ท่านจะได้ไม่ต้องเกิดอีกทุกข์อีกไงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 5 ม.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การตาย ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาให้พ้นทุกข์ ทุกข์มีได้เพราะเกิดและมีกิเลส หนทางเดียว คือเข้าใจความจริงของทุกข์ที่เกิดขึ้น ค่อยๆ อบรมปัญญาไปครับ ชีวิตที่เกิดเป็นมนุษย์ หาได้ยาก และเราก็พบพระพุทธศาสนาและแนวทางที่ถูกต้องแล้ว อย่าประมาท เป็นธรรมดาที่ต้องมีทุกข์ แต่ต้องรู้ว่าทุกข์เกิดจากอะไร และดับที่เหตุนั้น แม้จะนานก็ตาม อดทนที่จะฟังพระธรรมต่อไป ส่วนเรื่องกลัวตายก็เป็นธรรมดาเพราะเรามากไปด้วยกิเลส ครับ

ขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ....

พิจารณาอย่างไร

ข้อคิดวันนี้ บัณฑิตแม้ประสบทุกข์ก็ไม่ทิ้งธรรม

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
medulla
วันที่ 5 ม.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
dron
วันที่ 6 ม.ค. 2551

ที่อยากตายเพราะว่าขณะนั้นอยากได้อะไรแล้วไม่ได้สมปรารถนา จึงอยากตาย ขณะที่อยากตายเป็นโทสะ เป็นอกุศลธรรม อยากตายแต่กลัวตายทั้งๆ ที่มีความเชื่อ มีความตายทุกๆ ขณะเบี่อหน่ายกับความทุกข์ๆ ๆ ๆ ช่วยตอบที

อ่านข้อความข้างต้นแล้วเหมือนเป็นกุศล เหมือนเข้าใจธรรมะ แต่ขณะใดกุศล จิตไม่เกิด ขณะนั้นไม่เข้าใจธรรมะ ไม่ใช่ปัญญา แต่เป็นตัวตนที่เข้าใจธรรมะ ธรรมะเป็นเรื่องยากมากๆ แม้แต่การศึกษาธรรมะกับทางมูลนิธิฯซึ่งเป็นแนวทาง ที่ถูกต้องแล้วมีท่านอาจารย์ค่อยแนะนำ ผู้ศึกษาธรรมะ หรือแม้แต่กระผมเองก็ อาจจะเข้าใจคำสอนผิดได้ แต่ก็ต้องศึกษาและฟังพระธรรมต่อไป ความเข้า- ใจก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต้องอดทน (ขันติเป็นตบะอย่างยิ่ง) แม้จะนานเพียงใดก็ ตาม เพราะเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะออกจากทุกข์ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
opanayigo
วันที่ 6 ม.ค. 2551

เพราะไม่รู้ความจริง เพราะมีเรา จึงได้แต่คิดไปตามจิตปรุงแต่ง สุขอยู่ที่ไหน ทุกข์อยู่ที่นั่น ทุกข์อยู่ที่ไหน ธรรมอยู่ที่นั่น ธรรมดามันเป็นของมันตามธรรมชาติ เป็นโอกาสสะสมกุศล ขณะยังมีลมหายใจอยู่ เมื่อต้องการพ้นทุกข์ ก็ต้องหาวิธีค่ะ เมื่อยังไม่รู้ก็ต้องศึกษาค่ะ

ขอนอบน้อมแด่คุณพระรัตนตรัย

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ทศพล.com
วันที่ 6 ม.ค. 2551

คนเรานั้น จะตายหรือไม่ตาย อยู่ที่กรรม ชีวิตเมื่อพบพระธรรมที่ถูกต้องแล้ว ควรเห็นคุณค่าในพระธรรม คนเรานั้นรักชีวิตของตนมากที่สุด รักตนแล้ว ทำไมถึงฆ่าตน คนเรานั้นเพราะไม่ได้สิ่งที่เราต้องการ จึงควรที่จะค่อยๆ ศึกษาพระธรรมดีก่วา ชีวิตอาจค่อยๆ ดีขึ้นกว่านี้ก็ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 6 ม.ค. 2551

มักได้ยินคนบ่นอยู่เสมอว่า "อยากจะตายให้พ้นๆ ทุกข์ไป"แต่ครั้นพอมีเหตุเจ็บป่วยเข้าจริงๆ ก็เห็นว่าไม่อยากตายกันเป็นส่วนมาก กลัวตายมากด้วยระวังจะเป็นการ หนีเสือปะจรเข้ นะคะเพราะการตายจากชาตินี้ไปด้วยโมหะ เห็นท่านว่ามีทุคติเป็นที่ไปอย่างเบาะๆ ก็ได้อัตภาพเป็นสัตว์เดรัจฉานแม้นจะมีหูได้ยินเสียง แต่จะมีโอกาสได้ฟังธรรมะและศึกษาพระธรรมอย่างมนุษย์นั้น..หมดกันแล้วที่จะมีโอกาสได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ยิ่งยากแสนยากเข้าไปใหญ่อย่าเพิ่งท้อถอยเลยนะคะ เพราะอัตภาพมนุษย์นี้ในกาลสมัยที่พระธรรมของพระพุทธเจ้า ยังอยู่ครบ คงไม่ได้มาง่ายๆ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ด้วย

ขออนุโมทนากับทุกความคิดเห็นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
phao
วันที่ 6 ม.ค. 2551

ขอบคูณทุกๆ คนที่ชว่ยตอบปัญหาคุณ อิสระ ไตรสรณคมณ์ แล้วเจอกัน หวังงว่าสักวันผมคงขอคุณช่วยผมคลายทุกข์ อยากหาเพื่อนสักคน

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
yuphin
วันที่ 7 ม.ค. 2551

ความทุกข์ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมีเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน เหตุผลเดียว คือ ขาด ปัญญา ที่มองไม่เห็นว่าทุกข์นั้นมีมาพร้อมกับการเกิดของตัวตน หากตราบใดที่ยังมีตัว เราของเรา ทุกข์นั้นก็จะยังอยู่กับเรา หนทางเดียวตือศึกษาพระธรรม อ่าน ฟัง คิด พิจารณา แม้กายจะลำบากขออย่าให้ใจต้องลำบาก สิ่งเดียวที่จะช่วยใจไม่ลำบาก คือ พระธรรม ความตายไม่ต้องรีบร้อนเพราะมีอยู่กับกายนี้ หันมาละกิเลสดีกว่า ว่าจะละ คลาย ได้อีกเท่าไรก่อนที่จะต้องทิ้งกายไป ขอเป็นกำลังใจให้ก้าวข้ามเหตุการณ์นี้ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 7 ม.ค. 2551

"......สังขารเหล่านั้นก็อุปมาดังเมล็ดพรรณผักกาด (ที่คนวางลง) บนปลายเข็ม (พอถูกปลายเข็มก็ตกไปพลัน) อนึ่ง เมื่อ (สังขาร) ธรรมทั้งหลายเกิดแล้ว ความแตกดับก็รุมล้อมธรรมเหล่านั้นไว้ มันจึงมีความแตกทำลายเป็นธรรมดา (ในตัวมัน) ไม่ปนกับธรรมก่อนๆ มันมาโดยไม่เห็น แตกดับแล้วก็ถึงซึ่งความไม่เห็น มันเกิดขึ้นและเสื่อมสิ้นไป ดังความเกิดขึ้นแห่งสายฟ้าในอากาศ ฉะนั้น"

ขออนุโมทนาคุณไตรสรณคมน์

ข้อความที่ยกมามีความไพเราะชัดเจนมากครับ

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Atom
วันที่ 7 ม.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
phao
วันที่ 2 พ.ค. 2551

ขอบคูณทุกท่านทืไห้ความรู้

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
C.pongsiri
วันที่ 3 พ.ค. 2551

อย่าเพิ่งตายเลยค่ะ ทุกข์เรื่องไหน เลิกคิดเรื่องนั้น หายทุกข์ทันที วันหนึ่งข้างหน้า คุณจะนึกดีใจว่า โชคดีที่ยังไม่ตาย

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ