จะปลอบใจคนที่เป็นโรคเอดส์อย่างไร

 
tanakase
วันที่  4 ม.ค. 2551
หมายเลข  6869
อ่าน  3,372
  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 4 ม.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ควรให้บุคคลนั้นเข้าใจความจริงว่า ทุกคนเกิดมาแล้วไม่พ้นไปจากโรค แล้วแต่ว่าจะเป็น โรคอะไรก็เป็นไปตามกรรม หากแต่ว่าเมื่อพิจารณาดังนี้แล้วว่า เมื่อทุกคนไม่พ้นไปจาก โรคและความตาย ควรกระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตนให้มากที่สุดในเวลาชีวิตที่เหลือ อยู่คือการเจริญกุศลทุกประการ และที่สำคัญที่สุดการเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้อง เพราะ ไม่มีใครที่ไม่เป็นโรคและไม่ตาย สิ่งที่จะติดตัวไปได้คือบุญและบาปเท่านั้น ดังนั้นการ ปลอบใจที่ดีที่สุด คือ การเข้าใจพระธรรม เพราะเมื่อเข้าใจ ปัญญาก็เกิดจากการฟัง พระธรรม ปัญญานั้นเองทำหน้าที่ปลอบใจให้เข้าใจความจริงของชีวิต แต่ก็คงไม่ ลืมว่าคนที่เป็นโรคแต่ละคนก็สะสมมาแตกต่างกัน เพราะพระธรรมไม่สาธารณะกับ บุคคลทั่วไป ปลอบใจเท่าที่จะทำได้ แต่ที่ประเสริฐคือ ปัญญาที่เกิดจากการฟังพระธรรมนั่นแหละเป็นเครื่องปลอบใจที่ดีที่สุดครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 4 ม.ค. 2551

เรื่อง พิจารณาว่าเรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ละความมัวเมาว่าตัวเองจะไม่มีโรค จึงไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการและสะสมความเข้าใจธรรมที่ถูกต้อง

เชิญคลิกอ่าน...

ฐานะทีควรพิจารณาอยู่เนือง [ฐานสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
medulla
วันที่ 5 ม.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jurairat
วันที่ 5 ม.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ หากเข้าใจพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง จะเข้าใจว่าเป็นธรรมดาอย่างที่ คุณแล้วเจอกัน แสดงความคิดเห็นไว้ เราไม่สามารถบังคับบัญชาธรรมชาติให้เป็นไปตามความต้องการของเราได้ ทุกอย่างเกิดเพราะเหตุปัจจัย ถ้าเป็นผู้เชื่อกรรมและผลของกรรมจะไม่หวั่นไหว

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แช่มชื่น
วันที่ 5 ม.ค. 2551

เพราะความไม่รู้ เราจึงยึดติดในชื่อมากมายครับ แม้แต่ชื่อของโรค คือ เอดส์ บาง คนได้ฟังเพียงชื่อ ก็ผวา กลัว หรือรังเกียจ แต่บางคนก็สงสาร เมตตา เฉยๆ ซึ่งก็เป็น ไปตามการสะสมความนึกคิดในเรื่องราวของแต่ละคน แล้วก็เป็นอย่างนี้เนิ่นนานมา แล้วในสังสารวัฏฏ์ครับ ถ้าถามว่า เป็นโรคนั้น โรคนี้ไหม ทุกคนจะตอบตอนที่ตื่นอยู่ ว่าเป็นหรือไม่เป็นด้วยสัญญาความจำหมายเท่านั้น แต่พอหลับสนิทมีใครเป็นโรค อะไรไหม ก็ไม่รู้ เพราะไม่รู้ความจริงของสภาพนามธรรมที่ปรากฏ ว่าที่เราคิดว่าเป็น ตนเป็นโรคนั้น ก็เป็นแต่เพียงจิตที่คิด แต่เพราะมีความไม่รู้ เราจึงยึดถือสภาพธรรม ว่าเที่ยง ว่าสุข ว่าเป็นตัวตน ทว่า สิ่งนั้นก็ต้องแปรปรวนไป ไม่อาจจะเป็นไปตามที่ เคยยึดถือไว้ ทุกข์เท่านั้นจึงเกิดตามมาภายหลัง แล้วเราก็ยังไปยึดความทุกข์ที่เกิด ขึ้นว่าเป็นของเราอีก เพราะความประมาท เราจึงหลงคิดว่า ตนแข็งแรงไม่ได้เป็น โรคใดในขณะนี้ เพลิดเพลินกับความสุขในกามคุณที่เป็นยาพิษ และก็ลืมว่า ตราบใด ที่มีกายวันหนึ่งก็จะต้องเป็นโรค เพราะมหาภูตรูป ๔ นี้ เมื่อมีใจครองก็แสนจะบำรุง เลี้ยงดูยาก แสวงหาแต่ช่องทางที่จะกำเริบครับ

เชิญคลิกอ่าน...

โลกนี้ลำบากเพราะมีเกิดแก่เจ็บตาย [นครสูตร]


ต่อให้ไม่เป็นโรคเอดส์ ถ้ายังมีกิเลส เราก็ต้องเกิด และทุกข์ในอบายภูมิก็ มากกว่าการเป็นโรคเอดส์มากนัก ควรเร่งรีบเจริญกุศลทุกประการ โดย เฉพาะการฟังพระธรรมให้เกิดปัญญาของตน เพราะชีวิตเป็นของน้อย ไม่มีใคร รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องจากโลกนี้ไปสู่ที่ใด ไม่อาจจะรู้ว่าชาติหน้าจะได้ฟังพระธรรม อีกหรือไม่ การเกิดอีกเป็นทุกข์ ทุกชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็ล้วนแต่เป็น เพื่อนทุกข์กันในสังสารวัฏฏ์ทั้งนั้น ควรเมตตาและให้กำลังใจกันครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
อิสระ
วันที่ 5 ม.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornpaon
วันที่ 5 ม.ค. 2551

เมื่อเกิดมาแล้ว ทุกคนย่อมหนีไม่พ้นจากผลของกรรมและเมื่อกรรมให้ผลแล้ว ไม่มีอะไรห้ามได้ ขอเพียงเข้าใจให้ถูกต้องและใช้เวลาที่เหลืออยู่เจริญกุศลให้มากที่สุด ขอร่วมเป็นกำลังใจด้วยคนขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
พุทธรักษา
วันที่ 5 ม.ค. 2551

สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ล่วงไปแล้ว สิ่งที่ยังไม่เกิด ก็ยังมาไม่ถึง ปัจจุบัน คือขณะนี้ที่ยังมีโอกาส คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ คำปลอบใจที่ดีที่สุด.

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ทศพล.com
วันที่ 6 ม.ค. 2551
ขออนุโมทนาทุกท่านครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
jurairat
วันที่ 8 ม.ค. 2551

เป็นโรคภัยต่างๆ เพราะมีรูปเป็นปัจจัย และมีจิตที่รู้อารมณ์ที่เกิดกับรูป นั้นๆ ที่สำคัญที่สุดคือ มีกรรมเป็นปัจจัย ถ้าทำกุศลกรรมย่อมได้รับผลกรรมที่ดี ที่ปราณีต แม้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานบางตัวก็ได้รับการดูแลอย่างดี ถ้าทำ อกุศลกรรมย่อมได้รับกรรมที่มีโทษมีแต่ความเดือดร้อน แม้เกิดเป็นมนุษย์มี ทรัพย์สมบัติมากแต่ก็ถูกโรคภัยเบียดเบียน ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถกำหนด หรือบังคับให้ทุกอย่างเป็นไปตามปรารถนา ถ้าศึกษาธรรมะให้เข้าใจจริงๆ และสะสมความเห็นถูกเข้าใจถูก ส่วนมากของชีวิตจะสะสม กุศลกรรมมากกว่า อกุศล เพราะจะมีการสำรวมกายวาจาและใจตามกำลังของสติและปัญญาค่ะ เพราะฉะนั้น อนุเคราะห์เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขในโลก (ของความคิด) ตามกำลังของสติปัญญาทั้งผู้ให้และผู้รับเช่นกันค่ะ

...ขออนุโมทนาค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ