คุณแม่เจ็บป่วยทำให้เกิดทุกข์ในครอบครัว
ผู้ฟัง การเจ็บป่วยของคุณแม่ ทำให้เกิดทุกข์ในครอบครัว เป็นกรรมที่มาสัมพันธ์กันหรือเปล่า ทำอย่างไร ให้รู้สึกว่ากรรมเหล่านั้นเบาบางลง หรือความทุกข์ของคนในครอบครัวลดลง
ท่านอาจารย์ มักใช้คำที่เคยชิน เช่น สัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ แต่ถ้าพิจารณาถึงจิต เจตสิก รูป ให้ละเอียด ขณะนั้นที่กำลังเห็น แต่ละคนก็เกิดเห็น แลกเปลี่ยนหรือร่วมกันไม่ได้ เห็นของคนอื่นจะมาสัมพันธ์กับเห็นของเราได้ไหม ต่างคนต่างเห็น ต่างคนต่างเกิด ต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างคิด
ถ้ามีความเข้าใจในสภาพธรรมจริงๆ ซึ่งเกิดดับเร็วมาก แล้วก็มีปัญญาที่จะรู้ความจริง แม้แต่เพียงความจริงที่เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ก็จะทำให้เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ว่าถ้าตราบใดที่ปัญญาของเราไม่ถึงระดับที่จะระงับความโศกเศร้า มีปัจจัยที่จะให้โศก ก็โศกเกิด มีปัจจัยที่จะให้โกรธ โกรธเกิด ทำอะไรได้
คำว่า สังขารธรรม สภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง สภาพธรรมที่ตรงกันข้ามกับสังขารธรรม คือ วิสังขารธรรม สภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง การเรียนธรรมจะค่อยๆ ขยายออกได้ และก็มีศัพท์ มีคำเพิ่มขึ้น ที่จะทำให้สามารถเข้าใจความต่างของแม้ศัพท์ว่า สังขารธรรม และสังขตธรรม
ขณะใดก็ตาม มีลูก ๕ คน เห็นคุณแม่กำลังป่วยไข้ จิตที่เห็นของลูกแต่ละคน ก็เกิดขึ้นเป็นสังขตธรรม ปรุงแต่งแล้วเกิดขึ้น เห็นชั่วขณะ แล้วก็ดับ ทุกอย่างที่เกิด ปรุงแต่ง แล้วเกิดทั้งนั้น เป็นสังขตธรรม ใน ๕ คนนี้ ก็มี ๕ ใจ ที่จะคิด แล้วเเต่ว่าจะทุกข์มากหรือทุกข์น้อย ก็เป็นเรื่องของขณะที่เห็นแล้ว เกิดกุศลจิตหรืออกุศลจิต
กุศลจิตหรืออกุศลจิต ไม่ใช่วิบากจิต ต้องเป็นคนละขณะ วิบากจิตเกิดขึ้นเพราะกรรม แล้วดับ แต่ว่ากุศลและอกุศล เกิดขึ้นเพราะการสะสม จากขณะที่กำลังเป็นกุศล แม้ดับไปแล้ว ก็สะสมสืบต่อ เพราะว่าจิตเกิดขึ้นทีละขณะ และสืบต่อกัน ทุกอย่างที่มีในขณะหนึ่ง ก็สืบต่อไปอีกสู่ขณะต่อๆ ไป
คำว่า สัมพันธ์ ถ้าใช้แล้ว ไม่ทำให้เข้าใจปรมัตถธรรมยิ่งขึ้น ก็ไม่ใช้ เพราะว่าคำใดๆ ก็ตาม ที่ทำให้เข้าใจสภาพธรรมขึ้น คำนั้นควรใช้ เช่น ทุกคนอยู่ในโลกของตัวเอง มีโลกอีกความหมายหนึ่งแล้ว โลกทางตาเห็น โลกทางหูได้ยิน โลกทางจมูกได้กลิ่น โลกทางลิ้นลิ้มรส โลกทางกายก็รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส โลกทางใจก็คิดนึก เป็น ๖ โลก เป็นโลกส่วนตัว แต่ละคนๆ ๆ แตกดับทุกโลก



