ไม่มีสักอย่างที่เราไม่เคยเป็น
ข้อความในพระไตรปิฎกมีว่า ไม่เคยมีสักอย่างที่เราไม่เคยเป็น ไม่ว่าจะเป็นยาจก คนยากไร้ หรือเศรษฐี พระราชา มหากษัตริย์ คฤหบดี คนพิการ เคยเป็นมาแล้ว แล้วก็จะเป็นต่อไป ถ้าสังสารวัฏฏ์ยังไม่หมดสิ้น แล้วแต่ว่าจะเป็นกรรมอะไร แต่ถ้าเป็นพระอริยบุคคล เช่น พระโสดาบัน จะไม่เกิดในอบายภูมิ ๔ ไม่เกิดเป็นสัตว์ ไม่เกิดในนรก ไม่เป็นเปรต ไม่เป็นอสูรกาย ไม่อยู่ในภูมิต่ำ
ต่อไปเห็นคน ก็เข้าใจได้เลยถึงกรรมที่ได้ทำแล้ว ที่จำแนกให้ต่างๆ กันไป แล้วถ้าใครกำลังทำกรรมอะไร อย่างมีใครที่กำลังฆ่าสัตว์ เราก็รู้เลย เจตนา ความจงใจที่จะทำให้คนอื่นถึงกับสิ้นชีวิต หรือว่าการเบียดเบียนสัตว์อื่น เป็นเจตนาที่ต้องการให้คนอื่นเป็นอย่างนั้น แต่คนอื่นจะเป็นหรือไม่เป็น เมื่อไร ขึ้นอยู่กับกรรมที่เขาได้ทำแล้ว แต่ตัวผู้ที่กระทำ จะเป็นเหตุให้จิตที่เป็นวิบาก เป็นผลเกิดขึ้น รับผลของเจตนา หรือความจงใจที่ได้เกิดแล้วในอดีต
ทำไมถึงต้องเป็นเรา คำตอบก็คือว่า เพราะต้องเป็นเรา จะเป็นอื่นไปไม่ได้ ในเมื่อทำกรรมใดมา ก็ต้องรับผลของกรรมนั้น จะเอากรรมที่เราทำแล้ว ไปให้คนอื่นได้รับ ไม่ได้เลย ถ้าลูกกำลังเจ็บป่วย แม่อ้อนวอน ขอร้อง เจ็บแทนได้ไหม กรรมของใคร ก็ทำให้เกิดผลของกรรมนั้นๆ แลกเปลี่ยนกันไม่ได้เลย ก็เป็นผู้ที่รู้ว่า ทุกอย่างที่จะเกิดกับตน ไม่ว่าจะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วทั้งหมด
รู้อย่างนี้ ก็ต้องทำดี เพื่อจะได้ไม่รับผลที่ไม่ดีต่อไปข้างหน้า


