รู้ชื่อหมด แต่ไม่รู้จักตัวจริง

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 74
นันทนวรรคที่ ๒
๑. นันทนสูตร
ว่าด้วยคำของพระอรหันต์
บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา อธิบายว่าสังขารอันเป็นไปในภูมิ ๓ ทั้งหมด ชื่อว่า ไม่เที่ยง เพราะอรรถว่า มีแล้วหามีไม่ (เกิดแล้วก็ดับไป) .
อ.คำปั่น: พอได้ฟังก็ไตร่ตรองตามที่ท่านอาจารย์ได้กล่าว ก็เห็นเลยครับว่า ความจริงเป็นอย่างนั้น แม้แต่ที่พระองค์ได้ทรงแสดงถึงว่า ธรรมะทั้งหลายทั้งปวง ก็ต้องเป็นธรรมะ แต่ละหนึ่งๆ ซึ่งก็ต้องย้อนกลับมาว่า ธรรมะคืออะไรด้วย ก็เหมือนกับว่า ก็ต้องตั้งต้นแล้วตั้งต้นอีกอยู่ตลอดเวลา ครับ
ท่านอาจารย์: แน่นอน!! ไม่ฟังสัก ๑๐ วัน กับเริ่มต้นฟังอีก เห็นไหม ความเข้าใจสิ่งที่ได้ฟังก็เพิ่มขึ้นอีก
อ.คำปั่น: เป็นการได้ค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปทีละนิดครับ ก็ได้อาศัยคำจริงที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวเกื้อกูลก็ทำให้ได้ระลึกถึงความเป็นจริงของธรรมะบ้างครับ
ท่านอาจารย์: ความเข้าใจเป็นปัญญาหรือเปล่า? ที่เราเรียกว่า ปัญญา คือความเข้าใจถูก
อ.คำปั่น: ความเข้าใจถูกเป็นปัญญาครับ
ท่านอาจารย์: ต่างกับความไม่เข้าใจความไม่รู้ ใช่ไหม?
อ.คำปั่น: ต่างกันแน่นอนครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น กว่าจะออกจากโลกของความไม่รู้มานานมาก เป็นโลกของความเข้าใจถูกสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ไปรีบร้อนเลย
เห็นเป็นธาตุรู้ แค่นี้!! ฟังไปจนกว่าจะมีปัจจัยที่จะเริ่มใส่ใจในลักษณะรู้ ภาวะรู้ ตามกำลังของเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้น
ถ้าฟังน้อยไม่ไตร่ตรอง แล้วก็ลืมแล้ว ก็ยังไม่มีสภาพธรรมที่ จำ จนมั่นคงเป็นสาเหตุให้มีการระลึกได้ เป็นสภาพธรรมะแต่ละหนึ่งทั้งหมดที่เราใช้ชื่อ ศึกษาชื่อ แต่ตัวจริงๆ มีอยู่ทั้งวัน
อ.คำปั่น: ตัวจริงๆ มีอยู่ทั้งวัน เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ เพราะว่ามีธรรมะทุกขณะเลยครับ
ท่านอาจารย์: รู้ชื่อหมดใช่ไหม? แต่ไม่รู้จักตัวจริง!!
อ.คำปั่น: เป็นอย่างนั้นเลยครับ ก็ต้องฟังแล้วฟังอีกๆ เริ่มต้นแล้วเริ่มต้นอีกครับ
ท่านอาจารย์: กว่าจะรู้ว่า ปัญญาต้องอบรมค่อยๆ มั่นคงขึ้นตามลำดับแต่ละรอบ ต่างกันมาก
อ.คำปั่น: อีกนิดหนึ่งครับ จากข้อความที่กล่าวถึงว่า สิ่งที่เกิดแล้ว ดับแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย เป็นคำที่ลึกซึ้งมากครับ เกิดแล้ว ดับแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย กว่าจะเข้าไปในใจ ก็ต้องไม่ใช่ฟังแค่ครั้งสองครั้งจริงๆ ก็ต้องฟังแล้วฟังอีก และก็มีพระพุทธพจน์ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงข้อความนี้ครับ ซึ่งก็ปรากฏในหลายที่อย่างใน สารัตถปกาสินี อรรถกถาสังยุตตนิกาย สคาถวรรค นันทนสูตร มีคำอธิบายในความเป็นจริงของธรรมะที่เกิดเพราะปัจจัยปรุงแต่ง ก็คือ สังขารทั้งหลายทั้งปวง ก็มีคำว่า ข้อความว่า บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา อธิบายว่าสังขารอันเป็นไปในภูมิ ๓ ทั้งหมด ชื่อว่า ไม่เที่ยง เพราะอรรถว่า มีแล้วหามีไม่ ครับ
ก็กราบเท้าท่านอาจารย์ในความละเอียดตรงนี้ครับว่า กว่าที่คำเหล่านี้ ข้อความเหล่านี้ที่จะเข้าไปในใจจริงๆ ว่า สิ่งที่มีจริงที่เกิดขึ้น เมื่อเกิดแล้วก็ดับไป คือหามีไม่ครับ
ท่านอาจารย์: แล้วแต่ละคำที่ได้ยินคุ้นหูหมดเลยใช่ไหม?
อ.คำปั่น: เป็นคำที่คุ้นหูครับ
ท่านอาจารย์: ขันธ์ ๕ คุ้นหูไหม?
อ.คำปั่น: ก็คุ้นหูครับ
ท่านอาจารย์: รูปขันธ์ คุ้นหูไหม?
อ.คำปั่น: คุ้นครับ
ท่านอาจารย์: อะไรเป็นรูปขันธ์บ้าง ผ่านไปได้ไหม?
อ.คำปั่น: ผ่านไม่ได้เลยครับ
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้ก็มี เห็นไหม? เพราะฉะนั้น ไม่ใช่แต่ อนิจจา เท่านั้นเอง! แต่อะไรล่ะที่เป็นอนิจจา?
สังขารา หมายความว่าอะไร? เห็นไหม พูดตามได้ แต่ความหมายคืออะไร? ความจริงคืออะไร เดี๋ยวนี้? สังขารา หมายความว่าอะไร?
อ.คำปั่น: สิ่งที่มีจริงที่เกิดเพราะปัจจัยปรุงแต่ง
ท่านอาจารย์: แค้นี้!! ลืมไหม? ถ้าไม่มีปัจจัย เกิดได้ไหม?
อ.คำปั่น: เกิดไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์: และใครรู้บ้างว่า ขณะนี้แต่ละหนึ่งเกิดเพราะปัจจัยต่างกันอย่างไร?
อ.คำปั่น: ถ้าไม่ฟังไม่มีทางรู้แน่นอนครับ
ขอเชิญอ่านได้ที่ ..
สภาวะที่เกิดขึ้นและเสื่อมไป [นันทนสูตร]
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยความเคารพค่ะ
รู้ชื่อหมดใช่ไหม แต่ไม่รู้จักตัวจริง
กว่าจะออกจากโลกของความไม่รู้มานานมาก เป็นโลกของความเข้าใจถูกสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ไปรีบร้อนเลย
เห็นเป็นธาตุรู้ แค่นี้ ฟังไปจนกว่าจะมีปัจจัยที่จะเริ่มใส่ใจในลักษณะรู้ ภาวะรู้ ตามกำลังของเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้น
ถ้าฟังน้อยไม่ไตร่ตรอง แล้วก็ลืมแล้ว ก็ยังไม่มีสภาพธรรมที่ จำ จนมั่นคงเป็นสาเหตุให้มีการระลึกได้ เป็นสภาพธรรมะแต่ละหนึ่งทั้งหมดที่เราใช้ชื่อ ศึกษาชื่อ แต่ตัวจริงๆ มีอยู่ทั้งวัน
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ


