ธรรมะเดี๋ยวนี้รวมกันเป็นอัตตา

 
เมตตา
วันที่  5 ต.ค. 2568
หมายเลข  51091
อ่าน  317

อ.คำปั่น: ขอสนทนาเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นครับ ได้ฟังความเป็นไปของธรรมะซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ครับ มีเมื่อเกิดขึ้น แล้วก็มีพระพุทธพจน์มากมายที่พระองค์ได้ทรงแสดงว่า " สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา" ครับ ก็เป็นคำที่เมื่อฟังบ่อยๆ เนืองๆ ก็ยากที่จะเข้าใจในความเป็นไปของธรรมะว่า ขณะนี้ก็เหมือนกับมีแต่สิ่งที่เที่ยงที่ยั่งยืนอย่างนี้ครับ คือธรรมะที่ได้ฟังยังไม่ถึงกาลที่จะได้รู้ชัดในความเป็นจริงของธรรมะตามที่ได้ฟังเลยครับ

แม้ว่าจะมีข้อความเหล่านี้มากมาย ก็ขอโอกาสท่านอาจารย์ครับว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไรครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: เพราะว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา ฟัง ได้ยิน เข้าใจ จำ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ธรรมะ แต่ละหนึ่งๆ จนกว่าจะเป็นทั้งปวง

เพราะฉะนั้น ธรรมะเดี๋ยวนี้รวมกันเป็นอัตตา พระอวค์จึงประจักษ์แจ้งความจริงว่า ทุกอย่างที่มีที่เคยเป็นอัตตาเป็นสิ่งที่มีแต่ละหนึ่งที่ละเอียดมาก จึงใช้คำว่า ธรรมะ ทุกอย่างที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ทั้งปวงแต่ละหนึ่ง ทั้งหมดรวมกันไม่ได้ ไม่ใช่สิ่งสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลยทั้งสิ้น

ตรงกันข้ามกับอัตตา ใช่ไหม?

อ.คำปั่น: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: ตรงกันข้ามกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย เป็นแต่ละหนึ่งซึ่งรวมกันไม่ได้ จะเป็นอย่างเดียวกันไม่ได้ เพราะเหตุว่าต่างคนต่างเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยแล้วก็ดับไป

เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจความหมายของธรรมะจริงๆ ธรรม หมายถึงสิ่งที่มีลักษณะที่ปรากฏให้รู้ตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น เช่น แข็ง ถ้าไม่กระทบ จำว่าแข็ง แต่ขณะนั้นแข็งหรือเปล่าที่กำลังเพียงจำว่า แข็งโดยไม่กระทบแข็ง

เพราะฉะนั้น เป็นถ้วยแก้วแล้ว เป็นไมโครโฟนแล้ว เป็นแว่นตาแล้ว เป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ เป็นหนึ่งตลอด อยู่ในโลกของอัตตานานเท่าไหร่ เป็นเราเกิด เรามีญาติพี่น้องเพื่อนฝูง มีทรัพย์สมบัติ เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่น เดี๋ยวก็หลับแล้ว แล้วก็ตื่นขึ้นกินอาหาร ๓ มื้อ แล้วก็หลับต่อ แล้วก็ตื่นขึ้นอีก กินอาหาร ๓ มื้อ แล้วก็หลับต่อ นานเท่าไหร่แล้ว? มากกว่า ๓ มื้ออีก เป็นไปอย่างนี้โดยไม่รู้ความจริงเลย เป็นอัตตาทั้งหมด

ตั้งแต่ตื่น เราตื่นทันทีเลย อวิชชาสวะ ไม่รู้ว่าขณะนั้นเป็นอะไร

ยินดีในความเป็น ตื่นแล้ว ภวาสวะ

ทิฏฐาสวะ เราตื่นไม่ใช่คนอื่นเลย แม้แต่จะลุกขึ้นก็เรา เรา เรา เรา เราทั้งนั้น จริงหรือเปล่า?

เมื่อไหร่ไม่ใช่เราเป็นเพียงธรรมะ

เพราะฉะนั้น ต้องละเอียดมากถึงจะรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประจักษ์แจ้งความจริง ซึ่งคนอื่นไม่รู้แน่นอน ถ้าไม่ฟังคำของพระองค์

อ.คำปั่น: โทษของการที่ยังยึดถือว่า เป็นเรา เป็นอัตตาครับ โทษคืออย่างไรครับ ก็ดูเหมือนว่า ขณะนี้ก็ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ในความเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน แต่ก็ยังไม่ได้เห็นในความเป็นโทษเลยครับ

กราบเท้าท่านอาจารย์ตรงนี้ว่า โทษของการยึดถือว่า เป็นเรา เป็นตัวตน ครับ มีมากเพียงใดครับ

ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้อะไร? ไม่รู้!!

อ.คำปั่น: ใช่ครับ

ท่านอ าจารย์: แล้วก็เป็นเราด้วยใช่ไหม?

อ.คำปั่น: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: แล้วก็เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ปรากฏให้ไม่รู้ด้วยใช่ไหม?

อ.คำปั่น: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: ไม่รู้หมดตั้งแต่เกิดจนตาย อยู่ในโลกของความคิดความฝัน การปรุงแต่ง ความยึดมั่น ยังไม่ตื่นเลยในความมืดสนิท เพราะว่ามีสิ่งที่สว่างซึ่งขณะที่สั้นมากเล็กน้อยมาก คือขณะเห็น

เพราะฉะนั้น อยู่ในโลกของความมืดก็ไม่รู้ แต่ไปจำทุกสิ่งทุกอย่างว่า เป็นโน่นเป็นนี่อยู่ตลอดเวลา แต่เกิดมาแล้วก็ต้องตายโดยไม่รู้ว่า ทำไมตายช้าตายเร็ว ก่อนตายทำไมเห็นโน่นเห็นนี่เห็นนั่นไม่เหมือนกัน เพราะอะไร? ไม่มีความรู้อะไรเลยสักอย่างเดียวว่า ก่อนจะตายขณะนี้ก็เกิดแล้วดับแล้ว จริงหรือเปล่า? ไม่สิ้นสุด แม้ตายแล้วก็เกิดอีกก็ไม่รู้แล้ว เพราะอะไร ตายแล้วเกิดทันที?

เห็นดับ ธรรมะอื่นเกิดทันที เดี๋ยวนี้ใช่ไหม?

อ.คำปั่น: เดี๋ยวนี้ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เกิดดับทุกอย่างสืบต่อกันไปไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าชาติไหน ต่อกันทันที ตราบใดที่ยังมีเหตุให้เกิด ไม่เกิดไม่ได้ เพราะกำลังเกิดแล้วทั้งนั้น

ขอเชิญอ่านได้ที่ ..

อาสวะ​ ๔​ [ธรรมสังคณี] ​

ขอเชิญฟังได้ที่ ..

กว่าจะเข้าใจอนัตตา

ขอเชิญรับฟังวีดีโอได้ที่ ..

ไม่ใช่อัตตา

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ต.ค. 2568

เกิดดับทุกอย่างสืบต่อกันไปไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าชาติไหน ต่อกันทันที ตราบใดที่ยังมีเหตุให้เกิด ไม่เกิดไม่ได้ เพราะกำลังเกิดแล้วทั้งนั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มังกรทอง
วันที่ 6 ต.ค. 2568

แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ